เตรียมตัวรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉบับมือโปรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

การรับสุนัขมาเลี้ยงโดยเฉพาะลูกสุนัขนั้นเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวงเลยก็ว่าได้นะคะ เพราะช่วงวัยนี้เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ และตัวเราเองที่จะต้องเป็นคนฝึกสอนพวกเขาให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งการเข้าสังคม การฝึกให้มีระเบียบวินัย และอื่นๆ ดังนั้นเราควรเตรียมตัวรับมือเช่นกัน ไปดูกันเลยว่าเราต้องเตรียมตัวการเลี้ยงลูกสุนัขอย่างไรบ้าง 

  1. พาไปพบสัตวแพทย์ 

วิธีเลี้ยงลูกสุนัขก็คล้ายๆกับเลี้ยงเด็กตัวเล็กๆเลยนะคะ เราควรพาเขาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนประจำปี,ปรึกษาเรื่องโภชนาการที่เหมาะสม, การถ่ายพยาธิ หรือบางกรณีถ้าเราพึ่งรับมาเลี้ยงก็ควรจะตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจว่าเขาแข็งแรงดีนั่นเองค่ะ

2. การฝึกเข้าห้องน้ำ (สำคัญมาก เจ้าของต้องอดทนนะคะ) 

เราควรหาพื้นที่บริเวณในบ้านให้ลูกสุนัขเขาได้ทำธุระ โดยใช้ถาดรองฉี่และแผ่นรองซับเป็นตัวช่วยค่ะ หาพื้นที่วางถาดรองฉี่และเริ่มพาสุนัขไปถาดฉี่เมื่อเราเห็นเขาเริ่มดมๆหาที่ฉี่ หากเขาปัสสาวะหรือขับถ่ายนอกบริเวณเราควรดุพวกเขา และพาเขาไปที่ถาดรองเพื่อให้เขาเรียนรู้นะคะ แต่หากว่าเป็นลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่แนะนำให้พาเขาออกไปที่สวนในบ้านเป็นเวลา เพื่อฝึกให้เขารู้ว่าเวลาออกมาข้างนอกคือเวลาทำธุระค่ะ

3.สินค้าจำเป็นสำหรับลูกสุนัข 

แน่นอนการเลี้ยงลูกสุนัขต้องเตรียมของให้พร้อมนะคะ เตรียมเช็คลิสให้พร้อมและไป Shopping กันเลย 

4.ฝึกการเข้าสังคม 

ช่วง 16 สัปดาห์แรกของลูกสุนัขเป็นช่วงที่เรียนรู้ได้ง่ายที่สุดของวัย เราควรพาลูกสุนัขไปเจอกับสมาชิคในบ้านทุกๆคนเพื่อให้สร้างความคุ้นเคย อีกทั้งพาเขาไปออกมาข้างนอกเช่นเจอสัตวแพทย์ ช่างอาบน้ำ หรือคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่สมาชิคในครอบครัวบ้างเป็นครั้งคราว เจ้าสี่ขาจะได้เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับคนทั่วไปและเป็นมิตรกับทุกๆคนได้นั่นเองค่ะ

5.การออกกำลังกายและทำกิจกรรม 

ลูกสุนัขเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตเหมือนเด็กๆเลยค่ะ ช่วงวัยนี้จะชอบเล่นสนุกและมีพลังงานเหลือเฟือ เราควรพาลูกสุนัขออกไปเล่นข้างนอก หรือหาของเล่นเล่นกับเขา เพื่อให้เขาได้ปลดปล่อยพลังงานที่มีอยู่ อีกทั้งการออกไปวิ่งเล่นยังช่วยลดความเครียดในลูกสุนัขได้อีกด้วย ซึ่งถ้าในแต่ละวันพวกเขาได้เล่นอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยลดปัญหาพฤติกรรมการกัดของในบ้านที่พบเจอได้บ่อยในลูกสุนัขอีกเช่นกันค่ะ

6.การฝึกให้อยู่บริเวณพื้นที่ ที่กำหนดไว้ ในคอกหรือกรง 

คอกของสุนัขควรเป็นที่ที่สงบและสบายสำหรับพวกเขา เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน เราไม่ควรใช้คอกหรือกรงเป็นที่ทำโทษสุนัขนะคะ เพราะในเวลาต่อๆไป จะทำให้พวกเขาไม่ชอบอยู่ในคอกขึ้นมาทันที  สำหรับลูกสุนัขอายุไม่เกิน 6 เดือน ไม่ควรอยู่ในคอกหรือกรงเกิน 2 ถึง 3 ชั่วโมง ไม่รวมตอนกลางคืนที่เป็นเวลานอน 

สินค้าแนะนำของลูกสุนัข

อ้างอิง

  • https://www.cesarsway.com/puppy-101-the-ultimate-guide-to-raising-a-puppy/
  • https://www.care.com/c/stories/6549/8-tips-for-raising-the-perfect-puppy/
  • https://www.hillspet.com/dog-care/new-pet-parent/guide-to-raising-your-puppy
Continue Readingเตรียมตัวรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉบับมือโปรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

รีวิวทรายแมว แบบฉบับปี 2021 ยี่ห้อไหนน่าโดน

การเลือกทรายแมวนั้นอาจเป็นเรื่องที่น่าสับสนสำหรับทาสแมวหลายๆคนใช่มั้ยคะ ไม่ว่าจะเป็นจะเลือกทรายแมวยี่ห้อไหนดี หรือจะเลือกประเภทไหน ซึ่งตอนนี้ในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายประเภททั้ง ทรายแมวเต้าหู้, ทรายแมวไม้สน หรืออื่นๆ วันนี้ Thonglor pet shop คัดมาให้แล้วยี่ห้อไหนน่าโดน บอกเลยว่าไม่ว่าจะประเภทไหนก็มีข้อดีของตัวเองทั้งนั้นเลยค่ะ 

1. ทรายแมวมันสำปะหลัง Dr.Choice

  • รีวิวทรายแมวมันสำปะหลัง Dr.Choice Bionature ย่อยสลายง่าย พร้อมมีนวัตกรรมการจับตัวเป็นก้อนได้เร็ว และสามารถตักออกได้ง่าย อีกทั้งยังควบคุมกลิ่นได้ดีเยี่ยม เป็นทรายแมวไม่กี่เจ้าที่ใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลัง หากแมวเผลอทานเข้าไปก็ไม่เป็นอันตรายและยังใช้กับห้องน้ำแมวอัตโนมัติได้อีกด้วย
  • ข้อสำคัญคือพัฒนาโดยสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และเป็นทรายแมวที่ใช้จริงในโรงพยาบาลแผนกวอร์ดแมวค่ะ 

👉🏻ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Dr.Choice BioNature Tropiosand

  • ปราศจากฝุ่น 99.99% ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100%
  • ไม่ใส่สารเคมีหรือน้ำหอม
  • ปลอดภัยต่อลูกแมว
  • ใช้กับห้องน้ำแมวอัตโนมัติได้

ราคา 295 บาท ขนาด 2.72 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

2. ทรายแมวซังข้าวโพด Kurin Kat

  • รีวิวทรายแมวซังข้าวโพด ย่อยสลายได้ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100 % ตัวทรายเกิดจากความคิดที่ว่าทรายแมวชนิดเบนโทไนท์แม้ว่าจะใช้งานได้ดี แต่ทางธรรมชาติเมื่อเราทิ้งไปแล้วไม่สามารถย่อยสลายได้นั่นเองค่ะ Kurin Kat เป็นทรายแมวที่ทำจากข้าวโพดที่สายรักษ์โลกไม่ควรพลาดเลย
  • ตัวทรายสามารถดูดซับกลิ่นได้ดีเยี่ยม ทิ้งลงชักโครกได้ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและฝุ่นน้อย อีกทั้งยังผ่านการวิจัยและทดสอบคุณภาพร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย 

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Kurin Kat

  • ดูดกลิ่นแอมโมเนียได้ 84%
  • ดูดซับปัสสาวะได้มากกว่า 600%
  • ปราศจากกลิ่นรบกวน มั่นใจได้แม้ใช้ในห้องนอน
  • แนะนำให้ใช้กับกะบะทรายหรือห้องน้ำแมวปกติมากกว่า ห้องน้ำอัตดนมัติ

ราคา 150 บาท ขนาด 5 ลิตร หรือ ประมาณ 2 kg

ราคา 350 บาท ขนาด 10 ลิตร หรือ ประมาณ 5 kg 

>>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

3. ทรายแมวหินภูเขาไฟ Odurlock 

  • ทรายแมวภูเขาไฟเกรดซุปเปอร์พรีเมียมจากประเทศแคนาดา เรียกได้ว่าเป็นทรายที่คนเลี้ยงแมวต้องเคยลองใช้สักครั้งเลยค่ะ เนื่องจากเป็นทรายที่ได้รับผลการโหวตทรายแมวยอดเยี่ยมแห่งปี 2014 จากการโหวดของผู้เลี้ยงแมว
  • เป็นทรายปราศจากฝุ่น 99.9% และปลอดภัยต่อสุขภาพของแมวและผู้เลี้ยง สามารถควมคุมกลิ่นได้มากถึง 40 วัน หากเจ้าเหมียวเข้ามาฉี่แล้วเรายังไม่ได้ตักออกทันที ตัวก้อนจะไม่แตกตัว ทำให้เราตักออกได้ง่ายค่ะ อีกทั้งยังทำให้เราประหยัดตัวทรายที่ใช้อีกด้วย 

 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Odour Lock

  • มีนวัตกรรมดูดซับน้ำได้ถึง 500% มากกว่าทรายปกติถึง 3 เท่า
  • ใช้กับห้องน้ำอัตโนมัติได้
  • ปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจทั้งกับผู้ใช้และแมว

ราคา 325 บาท ขนาด 6 kg  >>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

4. ทรายแมวเต้าหู้ Soya clump 

  • ทรายแมวที่ทำจากกากถั่วเหลืองธรรมชาติที่เหลือจากการผลิตนมถั่วเหลือง ซึ่งสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ 100% มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆมากถึง 7 กลิ่นให้เลือกด้วยกัน ตัวทรายสามารถทิ้งลงชักโครกได้เลย เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ราคาย่อมเยาว์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะ 
  • ตัวทรายมีน้ำเบาพิเศษเมื่อเทียบทรายแมวประอื่น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ 99.9%ไร้ฝุ่น เนื้อทรายมีสัมผัสอ่อนโยนทำให้ไม่ระคายเคืองเท้าน้องเหมียวค่ะ

ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Kit Cat SoyaClump

  • ปราศจากฝุ่น 99%
  • เหมาะสำหรับแมวแพ้ง่าย หรือเจ้าของแมวที่แพ้ง่าย
  • ปลอดภัยสำหรับแมวที่ชอบกินทราย

ราคา 220 บาท ขนาด 7 ลิตร หรือ ประมาน 2.5 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

5.ทรายแมวไม้สน Cat’s Best Sensitive

  • อีกหนึ่งยี่ห้อทรายแมวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นทรายแมวไม้สนที่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน ตัวทรายสามารถย่อยสลายได้ 100% และสามารถาซับของเหลวได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 7 เท่า
  • ตัวสินค้าจะมีอยู่ 3 สูตรหลัก คือ Original, Smart pallet และ Sensitive ซึ่งจะต่างกันที่เนื้อสัมผัสของทรายค่ะ โดยสูตร Sensitive นี้ จะเหมาะสำหรับแมวทุกสายพันธุ์ (โดยเฉพาะแมวป่วย/หลังผ่าตัด/แมวที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ)
  • เห็นทำจากไม้สนแบบนี้แต่เขาไม่ได้โค่นต้นไม้เพื่อมาทำทรายแมวนะคะ แต่เขาใช้ เศษไม้ที่เหลือจากอุตสหกรรม ซึ่งเขาได้ PEFC certificate ที่รับรองว่าการใช้ไม้สนครั้งนี้ ถูกใช้อย่างยั่งยืนและไม่ส่งผลกระทบกับธรรมชาติของผืนป่าไม้นั่นเอง  

ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cat’s Best

  • เม็ดละเอียด นุ่มเท้า จับตัวเป็นก้อนไร้เชื้อรา
  • เก็บกลิ่นได้ดี สามารถทิ้งลงสุขภัณฑ์ภายในบ้าน
  • สามารถใช้กับห้องน้ำอัตโนมัติได้

สูตร Sensitive ราคา 450 บาท ขนาด 2.9 kg หรือ 8L >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

6. ทรายแมวเต้าหู้ Cature 

  • รีวิวทรายแมวเต้าหู้ Cature เป้นทรายแมวระดับ Food grade ที่ปลอดภัยกับแมวทุกช่วงวัย โดยทางแบรนด์ใส่ใจในขั้นตอนผลิตแบบเม็ดต่อเม็ด เพื่อให้มั่นใจว่าเม็ดทรายจะมีขนาดโดยประมาน 2มิลลิเมตร ตัวเนื้อทรายสามารถจับตัวเป็นก่อนได้ดี สามารถทิ้งลงชักโครกได้ และเป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่ย่อยสลายได้ 100% ตามธรรมชาติ
  • โดยเนื้อทรายสามารถซับของเหลวได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 400% และยังมีคุณสมบัติไร้ฝุ่นถึง 99.5% อีกทั้งเนื้อทรายยังมีสัมผัสนุ่ม ไม่ติดอุ้งเท่าเจ้าเหมียว และยังไม่ระคายเคืองอีกด้วย โดยทรายเต้าหู้นี้มี 2 กลิ่นด้วยกันคือกลิ่นชาเขียวและกลิ่นข้าวโพด 

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cature tofu cat Litter

  • ทรายแมวระดับ Food grade หากเผลอทานเข้าไปก็ไม่เป็นอันตราย
  • เนื้อทรายไม่ติดอุ้งเท่า
  • ทิ้งลงชัดโครกได้ และ แนะนำให้ใช้กับกะบะหรือห้องน้ำแมวปกติ

ราคา 269 บาท ขนาด 6 ลิตร หรือ ประมาน 2.5 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

7. ทรายแมวผลิตจากดินธรรมชาติ Biokat 

  • ทรายแมวไม่กี่ยี่ห้อในประเทศไทยที่ผลิตจากดินธรรมชาติ รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่ผสมผงคาร์บอนลงไปด้วย ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บกลิ่น โดยผงคาร์บอนนี้ทำมาจากเปลือกของมะพร้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ทำจากธรรมชาติและนำกลับไปใช้ใหม่ได้ และหากพูดถึงเรื่องการจับตัวเป็นก้อนต้องยกให้ยี่ห้อ Biokat เลยค่ะ เราสามารถตักทรายออกได้ง่ายๆเลย 
  • ตัวเม็ดทรายจะเป็นสีขาว ซึ่งจะทำให้เจ้าของสังเกตเห็นสุขภาพเบื้องต้นของน้องเหมียวได้ หาเพราะทรายสีขาวอ่อนจะทำให้เราสังเกตเห็นสีของปัสสาวะของน้องได้นั่นเองค่ะ  

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cature tofu cat Litter

  • ผสมผงคาร์บอนช่วยเรื่องกลิ่นเป็นพิเศ
  • ผลิตจากดินธรรมชาติเนื้อสีขาวอ่อน
  • ทิ้งลงชัดโครกไม่ได้ และ แนะนำให้ใช้กับกะบะหรือห้องน้ำแมวปกติ

ราคา 290 บาท ขนาด 5 กิโลกรัม

ราคา 490 บาท 10 กิโลกรัม

>>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

สินค้าห้องน้ำและทรายแมว

Continue Readingรีวิวทรายแมว แบบฉบับปี 2021 ยี่ห้อไหนน่าโดน

วิธีให้อาหารลูกแมว เลี้ยงแมวแบบฉบับของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

บ้านไหนพึ่งรับลูกแมวใหม่มาบ้างคะ? ต้องขอบอกเลยว่าการเลี้ยงลูกแมวนั้นอาจมีความยากอยู่เล็กน้อย เนื่องจากลูกแมวต้องการความดูแลเป็นพิเศษนั่นเองค่ะ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีเลี้ยงลูกแมว ตั้งแต่แรกเกิด จนไปถึง 10 เดือน ฉบับย่อกันค่ะ 

  1. การให้อาหารลูกแมว 

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าหนี่งในวิธีเลี้ยงลูกแมวที่สำคัญที่สุดคือการป้อนนมหรืออาหารลูกแมวค่ะ การเลือกอาหารที่เป็นสูตรลูกแมวโดยเฉพาะจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะลูกแมวต่างจากแมวโตตรงที่ ลูกแมวมีความต้องการโปรตีนและกรดอมิโนมากกว่าแมวโตหลายเท่า เพราะวัยลูกแมวเป็นช่วงเวลาที่แมวเติบโตเร็วที่สุดและเป็นวัยที่ต้องการพลังงานมากเป็นพิเศษ โดยในแต่ละช่วงวัย อาหารที่ควรทานจะต่างกันออกไปดังนี้ 

  • อาหารลูกแมวพึ่งเกิด – 4 อาทิตย์  ลูกแมวควรได้รับการป้อนนมทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หากนมแม่แมวไม่พอเราสามารถให้นมทดแทนได้เช่น PetAg KMR โดยปริมาณที่ควรให้สามารถดูได้ตามลิงค์นี้  หลังป้อนนมลูกแมว เราควรสังเกตว่าลูกแมวหลับสบายไหม หากหลังดื่มนมลูกแมวมีอาการดิ้นไปมา หรือคลานตลอดเวลา ให้สงสัยว่าลูกแมวมีอาการท้องอืด และจุดนี้เจ้าของควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์ เพราะอาการท้องอืดในลูกแมวอาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ หรือบางครั้งหากลูกแมวดูดนมจากแม่ เราควรเช็คว่ามีน้ำนมออกมาจากเต้าแม่แมวจริงๆ เพราะบางครั้งเต้านมไม่มีนมมากพอ เวลาลูกแมวดูดนมจะมีลมซึ่งส่งผลให้มีอาการท้องอืดได้เช่นกันค่ะ  

  • อาหารลูกแมว 4 สัปดาห์ – 6 สัปดาห์  ช่วงนี้เป็นวัยที่ลูกแมวกำลังจะหย่านม เราสามารถเริ่มให้อาหารแบบเปียกสูตรลูกแมวได้ ซึงเนื้ออาหารแบบเปียกก็จะช่วยให้ลูกแมวเริ่มฝึกเคี้ยวด้วยค่ะ หรือหากแม่แมวยังมีน้ำนมอยู่ เราก็ยังสามารถให้ลูกแมวดูดน้ำนมแม่ สลับกับอาหารเปียกได้เช่นกัน โดยการให้อาหารลูกแมวควรแบ่งเป็นมื้อเล็กๆเนื่องจากลูกแมวมีกระเพาะที่เล็ก แต่มีความต้องการพลังงานสูงนั่นเอง  

  • อาหารลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์  – 8 สัปดาห์ ฟันของลูกแมวจะเริ่มขึ้นในช่วงวัยนี้ เราควรเริ่มให้อาหารสูตรลูกแมวแบบเม็ด โดยแช่อาหารเม็ดในน้ำอุ่นสะอาด เพื่อให้อาหารมีเนิ้อนิ่มเล็กน้อย ง่ายแก่การเคี้ยวของลูกแมวและควรแบ่งทานมื้อเล็กๆ ประมานวันละ 6 มื้อ โดยปริมาณที่ควรทานต่อมื้อควรปรึกษาสัตวแพทย์ แต่โดยปกติแล้ว มื้อละประมาน 10 เม็ดก็เพียงพอค่ะ

  • อาหารลูกแมวอายุ 8 สัปดาห์  – 10 เดือน ช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกจะเป็นช่วงที่ลูกแมวเติบโตเร็วที่สุดในช่วงชีวิตของเขา เราสามารถเริ่มปรับลดมื้ออาหารลง โดยเหลือประมาน 3 มื้อต่อวัน และอาหารยังคงต้องเป็นสูตรลูกแมวอยู่ โดยสามารถกินแบบเม็ดไม่ต้องผสมน้ำได้แล้วค่ะ เมื่อน้องแมวอายุเกิน 10 เดือนแล้วจะถือว่าเป็นแมวโต ไม่ใช่ลูกแมวแล้วนั่นเอง

2. การฝึกลูกแมวให้ขับถ่าย 

  • ในช่วงวัยแรกเกิดถึง 6 สัปดาห์ ถ้าแม่แมวมีพฤติกรรมที่ไม่ยอมเลี้ยงลูกแมว เราควรกระตุ้นการขับถ่ายของลูกแมวโดย ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นและสัมผัสบริเวณก้นและอวัยวะเพศของลูกแมว อย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกแมวขับถ่ายได้

  • เมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ ก็สามารถเริ่มฝึกใช้ทรายแมวได้แล้ว เจ้าของสามารถวางกระบะทรายตรงบริเวณที่อยากให้เขาขับถ่าย แต่ข้อควรระวังในระยะแรกคือ ลูกแมวอาจกินทรายแมวเข้าไปได้ เจ้าของควรเฝ้าดูพฤติกรรมในระยะแรกๆที่เริ่มใช้ทรายแมวนะคะ หรือเลือกใช้ทรายแมวที่ทำจากพืชธรรมชาติเช่น ทรายแมวมันสำปะลัง ก็จะไม่เป็นอันตรายกับลูกแมวค่ะ

Tips: ควรทำให้ทรายแมวมีกลิ่นฉี่ของเขาก่อน โดยสามารถบิดสำลีที่มีปัสสาวะของเจ้าเหมียวลงบนทราย เพื่อให้เขาคุ้นชินกับกลิ่นมากขึ้น

3. สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและสิ่งที่ควรทำ

  • การเข้าสังคม-ควรฝึกให้แมวเข้าสังคมทั้งกับแมวตัวอื่นและบุคคลในบ้าน โดยควรเริ่มตอนอายุ 3 สัปดาห์ – 9 สัปดาห์ เจ้าของอาจพาไปเจอสัตวแพทย์ หรือช่างอาบน้ำใกล้บ้าน เพื่อสร้างประสบการ์ณใหม่ๆให้ลูกแมว คุ้นชินกับการเจอสิ่งใหม่ๆค่ะ 

  • การเล่นกับลูกแมว – ให้ใช้ของเล่นเล่นกับแมว โดยห้ามใช้มือของเราเล่นกับลูกแมวนะคะ เราไม่ควรยอมให้เขากัดมือเราจนเป็นนิสัย เพราะจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมรุนแรงกับสมาชิคในครอบครัวค่ะ ซึ่งพฤติกรรมรุนแรงนี้จะทำให้การพบแพทย์, ช่างอาบน้ำ หรือบุคคลอื่นๆ เป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าเหมียวนั่นเองค่ะ 

  • การฝนเล็บ- เมื่อน้องแมวโตขึ้น อาจมีพฤติกรรมฝนเล็บ โดยพฤติกรรมนี้เป็นธรรมชาติของแมวอยู่แล้ว ซึ่งบริเวณอุ้งเท้าของแมวจะมีต่อมกลิ่นซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแมวแต่ละตัว การที่น้องแมวได้ฝนเล็บลงไปบนสิ่งของก็เสมือนได้ปล่อยกลิ่นของตัวเองไว้ตรงตำแหน่งนั้นด้วย เจ้าของควรเตรียมที่ฝนเล็บเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาไปฝนเล็บบนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านของเราค่ะ

สินค้าแนะนำของลูกแมว

ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ “ไม่มีค่าใช้จ่าย”

  1. กดแอดไลน์เจ้าทองหล่อ >  bit.ly/30nmDmT 
  2. แจ้งความประสงค์ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์ 
  3. เจ้าหน้าที่ Admin คอนเฟิมเวลานัดกับสัตวแพทย์ผ่านระบบ Zoom ไม่มีค่าใช้จ่าย

อ้างอิง:

  • https://be.chewy.com/7-things-to-do-when-raising-a-kitten/
  • https://be.chewy.com/how-much-to-feed-your-kitten/
  • https://pets.webmd.com/cats/guide/feeding-your-kitten-food-and-treats#2
  • https://vcahospitals.com/know-your-pet/kitten-raising-kittens
Continue Readingวิธีให้อาหารลูกแมว เลี้ยงแมวแบบฉบับของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

ว่าด้วยเรื่องหมาอ้วน กับการลดน้ำหนักในสุนัข

สุนัขมากกว่า 50% ในอเมริกาได้รับผลกระทบจากการเป็นโรคอ้วน ซึ่งไม่ต่างจากมนุษนย์เรานะคะ โรคอ้วนในน้องหมาสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในหลายๆด้าน เช่น โรคหัวใจ หรือ ปัญหาทางข้อกระดูก หรือบางรายอาจมีอาการหายใจลำบากร่วมด้วย

 

การเลือกทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมและการทำกิจกรรมออกกำลังกายต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญในการให้น้องหมาอ้วนกลับมามีหุ่นดีและร่าเริงเหมือนเดิมค่ะ

 

1.สุนัขของเรามีน้ำหนักเกินมาตราฐานหรือไม่ ? 

  • เบื้องต้นเราสามารถสังเกตสุนัขของเราโดยการดูจากรูปร่างของน้องค่ะ เจ้าของสามารถวางมือลงตรงบริเวญซี่โครงของน้องและคลำตรงบริเวณนั้น ถ้าเราคลำแล้วไม่เจอกระดูกซี่โครงของน้องเลย ก็เป็นสัญญาณนึงที่บอกเราแล้วว่าน้องเริ่มอ้วนแล้วนั่นเอง 

หรือเจ้าของสามารถเช็ครูปร่างของสุนัขได้ง่ายๆจากตารางด้านล่าง ลักษณะรูปร่างจะสามารถบอก Body fat Index และ ไขมันในร่างกายได้คร่าวๆ ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าน้องหมาของเรานั้นอ้วนอยู่ในระดับไหนค่ะ

คลิ๊กดูรูปเต็ม>> http://bit.ly/2Opiayb

Source :  Hill’s Pet Nutrition (Thailand) Co.,Ltd.

  1. ความอ้วนเกิดจากอะไรได้บ้าง? 
  • การทำหมัน: สุนัขที่ทำหมันแล้วจะต้องการพลังงานต่อวันลดลง ดังนั้นเราอาจลืมลดปริมาณอาหารของน้องที่ทำหมันแล้ว ทำให้น้องหมาอ้วนขึ้นนั่นเอง
  • ปริมาณอาหารที่เยอะเกินไปต่อมื้อ: การที่เราเทอาหารใส่ชามทิ้งเอาไว้เป็นจำนวนมาก หรือ เทเอาไว้เผื่อน้องหิว ส่งผลให้หมาที่บ้านทานเยอะเกินความจำเป็น 

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆ เช่นการไม่ออกกำลังกาย ไม่ได้ออกไปเดินเล่นข้างนอก หรือ บางบ้านทานอาหารของคนเยอะเกินไป 

  1.  ก่อนที่จะวางแผนลดน้ำหนักสุนัข ต้องปรึกษาสัตวแพทย์หรือไม่? 

เมื่อเราตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักสุนัขแล้ว เราควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเสมอ ซึ่งสัตวแพทย์จะประเมินน้ำหนักที่เหมาะสมของสุนัข รวมถึงสูตรอาหารลดน้ำหนักสุนัขที่ควรทาน สำหรับสุนัขสัตวแพทย์อาจมีการแนะนำให้ออกกำลังกายเพิ่มเติม เช่นการว่ายน้ำ อีกทั้งในกรณีที่น้องอ้วนมากๆอาจมีการตรวจสุขภาพเช่น การตรวจเลือด หรือ ปัสสาวะร่วมด้วยค่ะ

ตอนนี้โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมี ปรึกษากับสัตวแพทย์ออนไลน์ สำหรับคนที่อยากปรึกษาแพทย์สามารถ >>คลิ๊ก<< ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

  1. การควบคุมอาหาร 

จากที่เล่ามาดูเหมือนว่าอาหารจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หมาอ้วน ซึ่งไม่ต่างจากคนเลยใช่ไหมคะ? ดังนั้นการลดปริมาณอาหาร อาจเป็นสิ่งแรกๆที่เราคิดว่าควรทำ แต่เดี๋ยวก่อน! การลดปริมาณอาหารอย่างรวดเร็วสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพน้องหมา เช่นขาดสารอาหารที่จำเป็น หรือ ภาวะความเครียดได้ 

เราควรค่อยๆลดน้ำหนักโดยการเปลี่ยนสูตรอาหาร เป็นสูตรลดน้ำหนักโดยเฉพาะที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ โดยอาหารสูตรเหล่านี้จะมีแคลลอรี่ที่เหมาะสม แต่สารอาหารยังครบถ้วนตามที่น้องหมาต้องการนั่นเองค่ะ 

เจ้าของควรมาปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจลดน้ำหนัก เพื่อให้กระบวนการเป็นไปย่างปลอดภัยที่สุด!

ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ “ไม่มีค่าใช้จ่าย”

  1. กดแอดไลน์เจ้าทองหล่อ >  bit.ly/30nmDmT 
  2. แจ้งความประสงค์ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ 
  3. เจ้าหน้าที่ Admin คอนเฟิมเวลานัดกับสัตวแพทย์ผ่านระบบ Zoom ไม่มีค่าใช้จ่าย
Continue Readingว่าด้วยเรื่องหมาอ้วน กับการลดน้ำหนักในสุนัข

Summer Splash Promo CODE

วิธีเล่น รับส่วนลด Summer splash

1. กดปุ่ม “คลิ๊กรับโชค”
2. กดปุ่ม “หยุด” เมื่อคุณต้องการ เพื่อลุ้นรับส่วนลด
3. ส่วนลดที่ได้รับจะโชว์ขึ้นมา และสามารถนำส่วนลดมาใช้กับคำสั่งซื้อบนเว็บไซต์ได้เลย

👉ก่อนเล่นเกมลูกค้าจะต้องเป็นสมาชิคกับเว็บไซต์ก่อน สามารถร่วมสนุกได้ทั้งลูกค้าเก่าและใหม่

ลุ้นรับส่วนลดสูงสุดถึง 500 บาท🎊

  • หากยังไม่เป็นสมาชิค สมัครง่ายๆแค่ 2 นาที
  • ส่วนลดที่ได้รับจากเกม Summer splash promo code สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 เม.ย. 2564 นี้เท่านั้น
  • ส่วนลดที่ได้รับสามารถใช้กับบนเว็บไซต์ www.thonglorpetshop.comเท่านั้น
Continue ReadingSummer Splash Promo CODE

วัคซีนราคาใหม่เอาใจทาสจ๋า

Continue Readingวัคซีนราคาใหม่เอาใจทาสจ๋า

ของใช้ลูกๆสี่ขาขาดให้นึกถึงเรา Thonglor Pet Shop

สินค้าสัตว์เลี้ยงคัดสรรมาอย่างดีโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมตอบโจทย์ส่งเร็วทันใจลูกค้าด้วยบริการ Same day Delivery ? ซื้อครบ 1500 บาทเราออกค่าส่งให้ 100 บาทนะ ?

เลือกซื้อสินค้าได้เลย: www.thonglorpetshop.com
หรือสั่งผ่านไลน์: @thonglorpetshop คลิ๊กเลย ?https://lin.ee/q8wKNJV

Continue Readingของใช้ลูกๆสี่ขาขาดให้นึกถึงเรา Thonglor Pet Shop

แจกโค๊ดส่วนลด 80 บาท อวดรูปเจ้านายที่บ้านกัน !!

อยู่บ้าน WFH มีเวลาอยู่กับเจ้าสี่ขาที่บ้านเพิ่มอีกเยอะเลยย วันนี้ชวนทุกคนร่วมกิจกรรมเล็กๆ อวดรูปตลกๆน่ารักของลูกรักกันค่ะ?

เพียงร่วมกิจกรรมก็รับได้เลย ส่วนลด 80 บาทไว้ช้อปเอาใจเจ้านายที่
?www.thonglorpetshop.com

กติกา
?เพียงโพสรูปของสัตว์เลี้ยงที่บ้านใต้โพสนี้ : https://www.facebook.com/ThonglorPetRama9/posts/2284634491837583
?ไลค์และแชร์โพส
?ไลค์เพจนี้ Thonglorpetshop

หลังจากนั้นรอแอดมินจะทัก Inbox ไปเพื่อแจกโค้ดลดราคาค่า?

Continue Readingแจกโค๊ดส่วนลด 80 บาท อวดรูปเจ้านายที่บ้านกัน !!

หมาแมวติดเชื้อโคโรนาไวรัสได้หรือไม่ ?

ความจริงคือ เชื้อโคโรนาไวรัส (nCoV-2019) หรือไวรัสอู่ฮั่นที่กำลังระบาดในคนเป็นเชื้อคนละตัวกับไวรัสโคโรนาในน้องหมาน้องแมว ที่หลายคนคงสงสัยว่าเชื้อโคโรนาในน้องหมาน้องแมวที่เราเคยรู้จักกันมา จะเป็นเชื้อตัวเดียวกันมั้ย จะติดคนหรือไม่ วันนี้เรามาไขข้อข้องใจกันค่ะ

ในทางการแพทย์ได้ตรวจพบไวรัสโคโรนาในสัตว์มานานแล้ว ซึ่งไวรัสโคโรนาในสัตว์นั้นเป็นไวรัสที่จำเพาะเจาะจงในแต่ละสายพันธุ์ จะไม่แพร่เชื้อข้ามสายพันธุ์สัตว์
โดยในสุนัขจะมีไวรัสโคโรนาเฉพาะสายพันธุ์ คือ Canine coronavirus
ส่วนในแมวไวรัสโคโรนาเฉพาะสายพันธุ์ คือ Feline coronavirus
โคโรนาไวรัสในสุนัขและแมวนั้นคนละสายพันธุ์กัน ดังนั้นเมื่อติดเชื้อจึงจะแสดงอาการต่างกัน
อาการในน้องหมา : จะทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร จะมีอาการไอ, จาม มีน้ำมูก หายใจติดขัด และอาจมีอาการอื่น เช่น อาเจียน, ท้องเสีย, เซื่องซึม, เบื่ออาหาร เป็นต้น
อาการในน้องแมว : อาการในน้องแมวจะมีความรุนแรงกว่าน้องหมา โดยไวรัสจะโจมตีระบบทางเดินหายใจและระบบการย่อยอาหารของน้องแมว อาการเริ่มต้นจะคล้ายป่วยเป็นไข้ทั่วไป จามบ่อย, ตาแฉะ, น้ำมูกไหล, ท้องเสีย, คลื่นไส้, น้ำหนักลด และในแมวบางตัวที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ไวรัสอาจกลายพันธุ์เป็นโรคเยี่อบุช่องท้องอักเสบ (FIP) ซึ่งจะแสดงอาการแตกต่างกันออกไปขึ้นกับระดับของภูมิคุ้มกันของแมวในแต่ละตัว เกิดอาการได้ 2 แบบ เรียกกันว่า
– แบบเปียก (wet หรือ effusive form) มีน้ำในช่องท้องหรือช่องอก สังเกตุเห็นได้
– แบบแห้ง (dry หรือ non-effusive form) จะมีความยากเป็นพิเศษ เนื่องจากแมวจะไม่ได้แสดงอาการแบบจำเพาะ อาการจะเป็นตามรอยโรคที่ปรากฏอยู่
โดยไวรัสโคโรนาในแมวเป็นไวรัสที่ติดต่อระหว่างแมวผ่านการสัมผัสกับอุจจาระที่ติดเชื้อ หรือการเลียขน

ดังนั้นหากพบอาการความผิดปกติของน้องควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ และอย่าลืมพาน้องหมาน้องแมวมาตรวจสุขภาพปีละครั้ง เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกรักสี่ขานะคะ
Continue Readingหมาแมวติดเชื้อโคโรนาไวรัสได้หรือไม่ ?