รู้จัก Colostrum อ้อมกอดปกป้องจากนมแม่ของสัตว์เลี้ยง

Colostrum คืออะไร

Colostrum หรือ นมน้ำเหลือง คือน้ำนมจากแม่สุนัขในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรกหลังคลอด โดยจะมีความแตกต่างจากน้ำนมปกติตรงที่จะมีลักษณะข้นและมีสีเหลืองนวล ในขณะที่น้ำนมสุนัขปกติจะมีลักษณะสีขาวและใสกว่า

Colostrum มีความสำคัญต่อลูกสุนัขมาก เพราะในช่วงแรกลูกสุนัขยังสร้างภูมิคุ้มกันเองไม่ได้เลยต้องได้รับภูมิคุ้มกันที่แม่ถ่ายทอดให้ก่อน หรือที่เรียกว่าภูมิคุ้มกันแบบรับมา (Passive Immunity) ซึ่งแม่สุนัขจะถ่ายทอดภูมิคุ้มกันมาให้ลูกสุนัขผ่านทาง Colostrum นั่นเอง ทำให้ลูกสุนัขมีภูมิต้านทานป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ได้นาน 6-8 สัปดาห์ หลังคลอด

Colostrum (นมน้ำเหลือง)

มีสีเหลืองนวลและข้น
มีภูมิคุ้มกันจากแม่ สารต้านแบคทีเรีย และ Growth Factor
ผลิตมาแค่ช่วง 24-72 ชั่วโมงแรกหลังคลอดเท่านั้น

เคล็ดลับน่ารู้เกี่ยวกับการให้ลูกสุนัขกินนมแม่

ควรให้ลูกสุนัขได้กินนมแม่สุนัขภายใน 24-72 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เพื่อให้ลูกสุนัขได้รับ Colostrum จากแม่นั่นเอง
การให้ลูกสุนัขได้กินนมแม่สุนัขไปจนถึงช่วงหย่านม นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่กับลูกด้วย
ควรดูแลให้ลูกสุนัขได้รับนมเพียงพอในแต่ละวัน

ข้อดีของลูกสุนัขที่ได้รับ Colostrum

  1. มีภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ ในช่วง 6-8 สัปดาห์แรก
    2. มีความต้านทานต่อการติดเชื้อต่างๆ มากกว่าลูกสุนัขที่ไม่ได้รับ
    3. ร่างกายแข็งแรง มีพัฒนาการรวดเร็ว

Passive Immunity : ภูมิคุ้มกันที่คุณแม่มอบให้

เนื่องจากในช่วงสุนัขแรกเกิดยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เอง จึงจำเป็นต้องได้รับภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาจากแม่หรือที่เรียกว่า Passive Immunity ซึ่งภูมิคุ้มกันแบบนี้แม่สุนัขจะถ่ายทอดให้ลูกได้ 2 วิธี คือ 20% จะมาจากการที่แม่สุนัขถ่ายทอดให้ในระหว่างการตั้งท้อง และอีกกว่า 80% เป็นการให้ผ่านทาง Colostrum หรือนมน้ำเหลือง ซึ่งภูมิคุ้มกันที่แม่สุนัขถ่ายทอดมาให้นี้จะอยู่ได้ประมาณ 6-8 สัปดาห์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องฉีดวัคซีนให้กับลูกสุนัขในช่วงนั้น เพราะว่านั่นเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันที่ลูกสุนัขได้รับมาจากแม่กำลังเริ่มหมดไปแล้วนั่นเอง

เติมการปกป้องของคุณแม่ให้กับลูกสุนัข

มาเลือกอาหารลูกสุนัขที่มีส่วนผสมของ Colostrum กันเถอะ

ในช่วงปีแรกของลูกสุนัขนั้นถือว่าเป็นช่วงที่ลูกสุนัขต้องผ่านสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งการหย่านม การฉีดวัคซีน และการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในช่วงลูกสุนัขหย่านม ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาจากแม่จาก Colostrum ค่อยๆ ลดลงพอดีหรือที่เรียกกันว่า Immunity Gap นั่นเอง

Immunity Gap : รอยต่อของภูมิคุ้มกันสุดอันตราย

Immunity Gap คือช่วงที่ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่ค่อยๆ ลดลง จนเกือบหมด และภูมิคุ้มกันที่ลูกสุนัขสร้างเองก็ยังมีไม่มากเพียงพอ มักอยู่ในช่วงลูกสุนัขอายุ 6-10 สัปดาห์ ประกอบกับเป็นช่วงหย่านมและเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมต่างๆ ด้วย เลยถือว่าเป็นช่วงที่ลูกสุนัขเสี่ยงที่จะติดโรคต่างๆ และเกิดภาวะท้องเสียได้มากที่สุด ดังนั้นเราจึงควรปกป้องลูกสุนัขในช่วงนี้ด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของ Colostrum ที่มีภูมิคุ้มกันจากแม่ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกสุนัขให้แข็งแรงแทนสารอาหารที่พวกเขาเคยได้จากนมแม่นั่นเอง

ข้อดีของอาหารลูกสุนัขที่มีส่วนผสมของ Colostrum

  1. ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานในระบบทางเดินอาหาร

อาหารลูกสุนัขที่มีส่วนผสมของ Colostrum จะช่วยให้ภูมิต้านทานในระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินอาหารได้ง่าย

  1. ช่วยทำให้แบคทีเรียในลำไส้ทำงานได้อย่างปกติ

Colostrum ที่ผสมอยู่ในอาหารลูกสุนัขจะช่วยให้แบคทีเรียในลำไส้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ ส่งผลให้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และลดการท้องเสียจากภาวะเครียดหรือเปลี่ยนอาหารของลูกสุนัขได้

  1. ช่วยในการตอบสนองต่อการฉีดวัคซีน

ลูกสุนัขที่ได้กินอาหารที่มีส่วนผสมของ Colostrum จะทำให้เมื่อฉีดวัคซีนแล้วลูกสุนัขจะสามารถตอบสนองต่อการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมปกป้องลูกสุนัขของเรากันด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของ Colostrum นะ

 

Continue Readingรู้จัก Colostrum อ้อมกอดปกป้องจากนมแม่ของสัตว์เลี้ยง

มือใหม่เตรียมพร้อม รับเลี้ยงลูกแมวตัวแรก

สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้นเลี้ยงแมวตัวแรก หรือมีลูกแมวตัวใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัวแล้วล่ะก็ การเตรียมตัวและเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับดูแลเค้า ก็จะช่วยให้คุณแม่มือใหม่ดูแลน้องแมวตัวน้อยให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้เร็วขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้เค้ามีอารมณ์ที่สดใสแล้ว ยังช่วยให้ลูกแมวตัวน้อยของเรา กลายเป็นลูกแมว สุขภาพดี สามารถทานอาหาร พักผ่อน และขับถ่ายเป็นปกติ ให้คุณพ่อคุณแม่น้องเหมียวมือใหม่อุ่นใจได้นั่นเองค่ะ

1. ตะกร้าแมว สำหรับเดินทางกลับบ้าน

สำหรับการเลี้ยงแมวนี่ คือไอเท็มที่จำเป็นมากเลยค่ะ เพราะการพาลูกแมวไปหาหมอ หรือการเคลื่อนย้ายน้องแมวไปยังสถานที่ใหม่ อาจทำให้ลูกแมวตื่นกลัวและไม่สบายตัว เพื่อนๆ จึงควรเลือกขนาดตะกร้าที่ใหญ่พอให้แมวยืนและหมุนตัวได้ง่าย ควรปิดมิดชิด แต่ต้องระบายอากาศได้ดี และก่อนใช้งานควรปูผ้าเช็ดตัวนุ่มๆ ที่เราใช้งานไปแล้วรองที่พื้นเสียก่อน เพราะกลิ่นที่คุ้นเคยจะทำให้ลูกแมวรู้สึกสบายและปลอดภัยค่ะ

2. ชามใส่น้ำและอาหารลูกแมว

เพื่อนๆ สามารถเลือกชามที่เหมาะสมกับขนาดตัวของลูกแมวได้อย่างอิสระ แต่แนะนำว่าอย่าลืมเติมน้ำสะอาดเอาไว้ให้เค้าทานเสมอเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะของแมว ช่วยให้ลูกแมวสุขภาพดี และควรทำความสะอาดชามอาหารลูกแมวทุกวันนะคะ

3. กระบะทราย สำหรับเป็นห้องน้ำแมว

ถึงจะยังเป็นเพียงลูกแมวตัวน้อย แต่ก็แนะนำให้มองหากระบะทรายที่ใหญ่พอสำหรับน้องแมวตัวเต็มวัยเอาไว้ก่อนได้ค่ะ เพื่อที่เค้าจะสามารถใช้ได้ยาวๆ จนโต และขอแนะนำให้เลือกกระบะทรายที่มีความลึกอย่างน้อย 3 เซนติเมตร เพื่อให้น้องแมวตะกุยทรายกลบของเสียเค้าได้สะดวกด้วยนะคะ

4. ทรายแมวคุณภาพดี

ทรายแมวเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากสำหรับการขับถ่ายของลูกแมว รวมทั้งยังช่วยให้สุขอนามัยภายในบ้านดีขึ้นอีกด้วย เราจึงควรเลือกใช้ทรายแมวที่ได้คุณภาพ เพราะนอกจากจะช่วยให้กระบะทรายของลูกแมวสะอาดแล้ว ตัวทรายแมวควรจะอุ้มน้ำได้ดีและขจัดกลิ่นได้มากกว่าการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์หรือขี้เลื่อยค่ะ เพื่อนๆ ควรใช้ตะแกรงเหล็กตักของเสียของลูกแมวออกจากทรายแมวทุกวันเพื่อทำความสะอาด เพื่อสุขอนามัยของลูกแมว และล้างด้วยน้ำและสบู่สัปดาห์ละครั้ง เพราะน้องแมวนั้นไม่ชอบกระบะทรายแมวที่เหม็นและสกปรกนะคะ

5. เสาข่วนเล็บแมว

โดยปกติแล้วน้องแมวมักจะใช้การข่วนเล็บเพื่อแสดงอาณาเขต โดยจะทิ้งรอยข่วนที่มองเห็นได้และปล่อยกลิ่นของเค้าติดที่จุดนั้นเอาไว้ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ ไม่อยากให้ลูกแมวใช้เล็บข่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านจนเสียหายล่ะก็ แนะนำให้มองหาเสาข่วนเล็บสำหรับให้เจ้าเหมียวใช้ข่วนเล็บติดบ้านไว้ด้วยจะเป็นการดีที่สุดค่ะ

6. ที่นอนแมวแบบส่วนตัว

เพราะว่าน้องแมวส่วนใหญ่ชอบความเป็นส่วนตัว ทุกคนจึงควรเตรียมเตียงให้ลูกแมวเอาไว้เสมอนะคะ โดยอาจจะใช้วัสดุง่ายๆ อย่างลังกระดาษที่สะอาด ตัดช่องสำหรับเข้าออกให้กับน้องแมว ปูเบาะและรองด้วยผ้านุ่มๆ ซึ่งอาจจะเป็นเสื้อตัวเก่าของเรา เพราะกลิ่นตัวที่ติดอยู่ในเสื้อผ้าจะช่วยให้แมวนอนสบาย และกระตุ้นให้เค้าอยากใช้ที่นอนแมวใหม่ด้วยนั่นเอง

7. อ่างอาบน้ำแมว

อ่างอาบน้ำที่ไม่ลึกจนเกินไปและมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะให้ลูกแมวลงไปได้ ถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เลี้ยงแมวชิ้นสำคัญควรมีติดบ้านเลยค่ะ เพราะว่าลูกแมวส่วนใหญ่จะรู้สึกปลอดภัย และควบคุมได้ง่ายกว่าเมื่ออยู่ในที่ๆ เหมือนมีกำแพงโอบรอบนั่นเอง และถ้าอยากให้เค้ารู้สึกคุ้นเคยกับอ่างอาบน้ำมากขึ้น ก็เพียงใส่ของเล่นแมวลงไปในอ่าง ปล่อยให้น้องแมวเล่นของเล่นสักสองถึงสามนาที หลังจากนั้นให้หยุดและเติมน้ำลงอ่างเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้เล่นต่อ วิธีนี้จะทำให้เค้าชินกับอ่างมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าเวลาอาบน้ำก็จะกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและไม่น่ากลัวอีกต่อไปเลยล่ะค่ะ

8. อุปกรณ์แปรงขนแมว

ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เลี้ยงลูกแมวที่สำคัญมากค่ะ เพราะการแปรงขนแมวเป็นประจำนั้น นอกจากจะช่วยกระตุ้นผิวหนังให้ลูกแมวสุขภาพดีแล้ว ยังช่วยขจัดขนที่หลุดร่วง และลดปริมาณก้อนขนที่แมวอาจจะเลียเข้าไปติดในระบบทางเดินอาหารได้อีกด้วย

9. ของเล่นสำหรับลูกแมว

แม้ว่าลูกแมวตัวน้อยจะอยู่ในช่วงกำลังเติบโต จึงมักจะกินแล้วก็นอนเป็นส่วนใหญ่ แต่เราก็ควรกระตุ้นให้ลูกแมวออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เค้าร่าเริงและช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อ ซึ่งการออกกำลังกายลูกแมวที่ดีที่สุดก็คือการชวนเค้าเล่นของเล่นแมวที่เคลื่อนไหวได้ สั่นได้ หรือแกว่งไปมา ตัวของเล่นแมวต้องมีความคงทนไม่แตกพังง่าย อาทิ ลูกบอลพลาสติก หนูจำลองที่ทำจากยาง หรือสิ่งของบางอย่างในชีวิตประจำวันก็สามารถให้แมวเล่นได้อย่างปลอดภัย เช่น ลูกปิงปอง แกนกระดาษชำระ กล่องรองเท้า ฯลฯ แต่ควรหลีกเลี่ยงของเล่นแมวที่มีความเสี่ยงว่าเค้าอาจจะกลืนลงท้องได้นะคะ

10. ปลอกคอแมว และ สายรัด

ถ้าใครที่มีบ้านพื้นที่กว้างมากๆ และกังวลว่าลูกแมวตัวน้อยของเราจะเดินหลงหายไปจนหาไม่เจอแล้วล่ะก็ อุปกรณ์อย่างปลอกคอแมวและสายรัดจะช่วยได้มากค่ะ แต่แนะนำว่าหากเราต้องการจะผูกเค้าเอาไว้ในบริเวณที่ต้องการหรือจูงเดิน ให้เลือกใช้สายรัดที่คาดรอบตัวของเค้าแทนปลอกคอแมวแมวจะดีกว่า เพราะน้องแมวส่วนใหญ่ไม่ชอบความรู้สึกของการถูกปลอกคอรัดขณะจูงเดินค่ะ

11. อาหารคุณภาพสำหรับลูกแมวสุขภาพดี

และสิ่งจำเป็นที่สำคัญสุดๆ ที่ขาดไม่ได้สำหรับการดูแลลูกแมวตัวน้อยทุกสายพันธุ์เลย ก็คืออาหารลูกแมวที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าอย่างอาหารลูกแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยมของ PurinaONE สูตร Healthy Kitten Formula ทำมาจากเนื้อไก่เป็นส่วนประกอบหลัก มีโปรตีนสูง และมีส่วนผสมของ DHA สารอาหารที่พบในน้ำนมแม่โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้น้องเหมียวมีพัฒนาการที่สมวัย ดังนั้นเพื่อให้เค้าเป็นลูกแมวสุขภาพดี มีครบทุก 6 สัญญาณสุขภาพดี คลิกเข้ามาช้อปได้

12. การดูแลด้วยความรักและความใส่ใจ

นอกจากการเตรียมอุปกรณ์ ของเล่น ของใช้ อาหาร ฯลฯ ไว้ให้พร้อมแล้ว “ความรักและความใส่ใจ” และการให้เวลาอยู่ด้วยกันถือเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นมากสำหรับการเลี้ยงแมว โดยเฉพาะกับลูกแมวที่ส่วนใหญ่จะซนและมีพลังงานเหลือเฟือ แถมมีนิสัยเรียกร้องความรักความสนใจเหมือนกับเด็กๆ ดังนั้นถ้าเราให้เวลากับการดูแลและเล่นกับลูกแมวโดยไม่ปล่อยปละละเลย นอกจากจะทำให้น้องแมวมีความสุขและเติบโตขึ้นอย่างมีสุขภาพที่ดีแล้ว เค้าก็จะมอบความสุขกลับมาให้เราได้ทุกๆ ครั้งที่ใช้เวลาร่วมกันได้อีกด้วยค่ะ

คำแนะนำสุดท้ายสำหรับมือใหม่ที่พร้อมจะเลี้ยงแมวตัวแรก นั่นก็คือเราควรหมั่นพาเค้าไปฉีดวัคซีนแมวและตรวจสุขภาพแมวอย่างสม่ำเสมอตามที่สัตวแพทย์แนะนำด้วยนะคะ เค้าจะได้มีสุขภาพที่ดีพร้อมที่จะเติบโตกลายเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัวที่จะอยู่ด้วยกัน และมอบความสุขให้แก่กันไปตลอดชีวิตนั่นเองค่ะ

Continue Readingมือใหม่เตรียมพร้อม รับเลี้ยงลูกแมวตัวแรก

7 แชมพูสุนัขน่าใช้ปี 2021 พร้อมเคล็ดลับวิธีเลือกแชมพูหมา

แชมพูสุนัขมียี่ห้อและแบบไหนบ้าง เลือกแบบไหนให้เหมาะกับลูกเรานะ? ช่วง Work from home หลายๆบ้านคงมีเวลาอยู่กับเจ้าสี่ขาเยอะขึ้น ซึ่งกิจกรรมที่ทำกับเจ้าตัวแสบคงหนีไม่พ้นการอาบน้ำจริงไหมคะ 

โดยการเลือกแชมพูจะเริ่มยังไงดี? ก่อนอื่นเราต้องดูสภาพผิวหนังของลูกเราก่อนค่ะ ว่าความต้องการของเขาคืออะไร เช่นลูกเรามีอาการคันหรือไม่? มีเห็บหมัด? หรือมีปัญหากลิ่นตัวหรือไม่? หรือเราต้องการแค่แชมพูที่ชำระล้างสิ่งสกปรกอย่างเดียว? เมื่อเรารู้ความต้องการแล้ว ก็จะทำให้เราเลือกแชมพูสุนัขได้ง่ายขึ้นแต่โดยพื้นฐานแล้วการเลือกแชมพูเราควรดูส่วนประกอบเป็นหลักและเลือกส่วนประกอบที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการระคายเคือง เช่น ว่านหางจระเข้, โอ๊ตมีล, น้ำมันอโวคาโด้ หรือน้ำมันมะพร้าว และยังมีสารช่วยลดการระเคืองอื่นๆอีกมากมายในตลาดตอนนี้ค่ะ

7 อันดับแชมพูอาบน้ำหมาที่เราแนะนำ

1. แชมพูสุนัขและแมว Dr.Choice

สูตรขมิ้นชันช่วยลดอาการคันและเหมาะกับสัตว์เลี้ยงที่มีผิวแพ้ง่าย ตัวแชมพูถูกคิดค้นโดยสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และยังถูกใช้จริงในแผนกกรูมมิ่งอีกด้วย ด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์สูตรเฉพาะของโรงพยาบาลที่มัดใจลูกค้าให้มาใช้บริการกรูมมิ่งอย่างต่อเนื่อง จนทางโรงพยาบาลทนเสียงคำเรียกร้องจากลูกค้าไม่ไหวและต้องทำแชมพูสูตรนี้ออกมาขายในที่สุดค่ะ เป็นแชมพูหมาระดับตำนานที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆค่ะ 

2. Hana pet joy

แชมพูอาบน้ำหมาสัญชาติเกาหลี โดยทุกคนอาจจะรู้จัก Hana pet จากแชมพูอาบน้ำแห้งที่โด่งดัง แต่ทางแบรนด์เขาก็ยังมีแชมพูสุนัขคุณภาพดีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้อีกด้วยนะคะ ซึ่ง 3 สูตรที่มีจะช่วยเรื่องปัญหาต่างๆของสุนัขเช่น ตุ่มแดง, เห็บหมัด และผ่อนคลาย โดยส่วนผสมที่โดดเด่นจะเป็น โปรตีนไหม ( Hydrolyzed Silk) ที่จะดูดซึมลงผิวหนังได้ดี และยังมี Oatmeal,ใบบักบก และ วิตามิน B5 ช่วยบำรุงผิวหนังอย่างอ่อนโยนอีกด้วยค่ะ

3. แชมพูสัตว์เลี้ยง John Paul Pet

เป็นแชมพูอาบน้ำหมาแบบ Tearless ซึ่งหากเผลอเข้าตาจะไม่รู้สึกระคายเคือง อีกทั้งค่า pH ของแชมพูยังเหมาะสมกับผิวหนังของสัตว์เลี้ยง จุดเด่นคือทั้งอ่อนโยนและยังทำความสะอาดได้ล้ำลึก ซึ่งทำให้สุนัขสามารถใช้ได้ทุกช่วงอายุ ทุกสายพันธุ์นั่นเอง ตัวแชมพูจะมีส่วนผสมพิเศษต่างๆที่ทำหน้าที่เป็น conditioners อีกด้วย เช่น ว่านหางจระเข้, ดอกคาโมมายล์ และ โอ๊ตมีลค่ะ.

4.แชมพู Doggy potion

ของคนไทยที่มีมาตั้งแต่ปี 2008 เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์นึงที่หลายๆท่านน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว แชมพูสุนัขของทางแบรนด์มีจุดเด่นตรงที่มีปริมาณส่วนผสมของโอ๊ตมีลที่เข้มข้นมากถึง 20% และยังมีสารสกัดบาเล่ย์มีคุณสมบัติลดอาการอักเสบช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง อีกทั้งน้ำยาอาบน้ำยังมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ติดทนนานเมื่อใช้คู่กับกับสเปรย์บำรุง มีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ทั้งสุนัขและแมว

5. แชมพู Quint

เป็นอีกแบรนด์ของคนไทยที่น่าภูมิใจ เพราะเป็นแชมพูสุนัขออแกนิคสูตรอ่อนโยน และไม่ใช้สารเคมีที่สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหนังของสัตว์เลี้ยง โดยเน้นบำรุงขนและสร้างกลิ่นหอมด้วย Essential oil อีกทั้งยังมีสัตวแพทย์คิดค้นและดูแลการผลิตของแชมพู ซึ่งแชมพูมีหลายสูตรเพื่อให้ตรงความต้องการของสุนัขที่มีขนและผิวหนังที่แตกต่างกันเช่นสูตรลดกลิ่นตัว หรือสูตรสำหรับสุนัขที่มีขนขาวโดยเฉพาะ

6. แชมพูสุนัข Hartz

เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจเพราะราคาไม่แรงและเป็นแชมพูที่มีคุณภาพดีเลยทีเดียว เป็นแชมพูจากอเมริกา Made in USA โดยแชมพูสุนัขทุกสูตรของเขาจะช่วยเรื่องความชุ่มชื้นโดยพื้นฐานอยู่แล้ว และยังมีสูตรเฉพาะเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหนังต่างๆของสุนัขเช่นสูตรลดอาหารคัน, ช่วยเรื่องกลิ่นตัว และสูตรสำหรับสุนัขแก่ อีกทั้งยังเป็นแชมพูที่ได้รับรางวัล 2018 Women’s Choice Award winner เป็นแชมพูสุนัขที่ถูกแนะนำมากที่สุดนั่นเอง

7. แชมพุสุนัข Virbac Episoothe shampoo

เป็นอีกหนึ่งแชมพูที่เรามักจะเห็นสัตวแพทย์แนะนำ เป็นแชมพูสูตรอ่อนโยนสามารถใช้ได้กับสุนัขและแมว ช่วยทำความสะอาดผิว ช่วยฟื้นฟูผิวให้นุ่ม คงความชุ่มชื้นยาวนาน ด้วยสารสกัดจากโอ๊ตมีล และปราศจากสบู่ ซึ่งเหมาะกับสุนัขที่มีอาการคันเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมี D-mannose ซึ่งช่วยเรื่องการติดเชื้อของ bateria และ ยีสต์ด้วยค่ะ

Continue Reading7 แชมพูสุนัขน่าใช้ปี 2021 พร้อมเคล็ดลับวิธีเลือกแชมพูหมา

อาหารสุนัขแก่จำเป็นไหม? ต้องมีวิตามินหมาแก่เสริมด้วยหรือเปล่า?

ในสายตาของเราเจ้าสี่ขาที่ชอบวิ่งเล่นในสนามหญ้า เล่นดินจนเลอะเทอะไปหมด คุณพ่อคุณแม่ก็จะยังมองพวกเขาเป็นเหมือนหมาเด็กอยู่ดีจริงไหมคะ? ช่วงอายุของน้องๆนั้นช่างผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน รู้สึกตัวอีกทีก็ 7 ปีผ่านไปเสียแล้ว ซึ่งเมื่อสุนัขอายุเข้าปีที่ 7 ก็จะถือว่าเป็นหมาแก่นั่นเองค่ะ ุ เมื่อเทียบกับคนแล้วจะเท่ากับอายุ 40 กลางๆสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก และ 50 ต้นๆสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่ค่ะ 

แน่นอนว่าสำหรับสุนัขแก่ อาหารสุนัขแก่เป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆในการดูแลสุขภาพพวกเขาให้แข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้นก็เหมือนมนุษย์เรานี่แหละค่ะที่จะมีปัญหาสุขภาพตามมาเช่น เรื่องข้อกระดูก, สายตา หรือบางครั้งอาจมีการซึมลง ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน วันนี้เราไปทำความรู้จักกับอาหารหมาแก่ให้มากขึ้นกันค่ะ 

1.อาหารสำหรับสุนัขแก่จำเป็นมาก

เนื่องจากอายุที่มากขึ้นกิจกรรมต่างๆของสุนัขก็จะลดลง ทำให้ปริมาณแคลลอลี่ที่ต้องการต่อวันลดลงตามไปด้วย รวมทั้งระบบการเผาผลาญที่ช้า สุนัขแก่จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนสูง อีกทั้งยังมีปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาเช่น ปัญหาสายตาหรือเรื่องข้อกะดูก ซึ่งเป็นอาการที่พบได้มากในสุนัขแก่อยู่แล้วค่ะ แต่เราสามารถชะลอสัญญาณแห่งวัยเหล่านี้ด้วยอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของพวกเขานั่นเอง

โดยเราโชคดีมากๆที่ตอนนี้มีอาหารสุนัขหลากหลายแบรนด์ที่พัฒนาสูตรอาหารเฉพาะสำหรับสุนัขสูงวัยขึ้นมา สามารถเลือกได้ตามขนาดสายพันธุ์ของเด็กๆได้เลยค่ะ

2. วิตามินสุนัขแก่จำเป็นไหม? 

อย่างที่กล่าวไป สุนัขแก่ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องข้อกระดูก ดังนั้นอาหารสูตรเฉพาะสุนัขแก่จะมีส่วนผสมของ glucosamine และ chondroitin sulphate ที่ช่วยบำรุงข้อและกระดูกอยู่ โดยบางกรณีเจ้าของอาจพิจรณาให้วิตามินบำรุงสุนัขแก่เพิ่มเติมเมื่อน้องเริ่มมีอาการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนที่จะเป็นการดีที่สุด เพื่อให้สัตวแพทย์ได้วินิจฉัยอาการและแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับอาการของน้องมากที่สุด

นอกจากวิตามินกลุ่มบำรุงข้อแล้ว สารต้านอนุมุลอิสระก็สำคัญเช่นกัน เมื่อเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ ประกอบกับการเสริมพฤติกรรมของสุนัขแก่ เช่นการเล่น และออกไปทำกิจกรรมข้างนอก หรือการไปเจอสุนัขตัวอื่นๆ จะสามารถช่วยเรื่องความจำและการทำงานของสมองได้ 

วิตามิน C และ E ก็สามารถเพิ่มเข้าไปในอาหารของสุนัขแก่เช่นกัน หรือเจ้าของอาจให้ผัก ผลไม้เพิ่มเติมเช่น บลูเบอร์รี่ หรือ ราสพ์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสสระสูง แต่ให้หลีกเลี่ยงผลไม้ประเภทองุ่นนะคะ เจ้าของควรศึกษาข้อมุลให้ดีก่อนที่จะให้น้องทานสิ่งใหม่ๆ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของน้อง 

3.จะทำอย่างไรเมื่อหมาแก่ไม่ยอมกินข้าว 

เป็นเรื่องปกติที่หมาแก่จะเริ่มเบื่ออาหาร ซึ่งการที่ไม่ยอมทานอาจะเป็นเหตุผลมาจากสุขภาพเช่น ปัญหาในระบบทางเดินอาหาร หรือมะเร็ง เจ้าของควรรีบพาสุนัขไปพบสัตว์แพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการไม่ยอมทานข้าว เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่ได้เป็นปัญหาที่สุขภาพค่ะ 

แต่หากสัตวแพทย์วินิจฉัยแล้วว่า สุนัขไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ การหาท้อปปิ้ง หรืออาหารเปียกเสริมไปในอาหารมื้อหลักก็จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเย้ายวนให้พวกเขาสามารถทานอาหารได้เยอะขึ้นค่ะ

อ้างอิง

  • https://pets.webmd.com/dogs/guide/senior-dog-food#3
  • https://www.petmd.com/dog/care/evr_dg_caring_for_older_dogs_with_health_problems
  • https://www.nbcnews.com/shopping/pets/how-buy-best-senior-dog-food-according-veterinarians-n1235662
  • https://www.akc.org/expert-advice/nutrition/nutrition-and-supplements-for-senior-dogs/
Continue Readingอาหารสุนัขแก่จำเป็นไหม? ต้องมีวิตามินหมาแก่เสริมด้วยหรือเปล่า?

เลือกขนมหมาที่ดี (ดู ข้อดี/ข้อเสีย)

ขนมน้องหมามีให้เลือกเยอะเหลือเกินน ทั้งมาในรูปแบบแท่ง เนื้อชิ้น หรือ freeze dried พ่อหมาแม่หมาอย่างเราก็คงตัดสินใจไม่ถูก ว่าแบบไหนจะเหมาะกับลูกของเรามากที่สุด วันนี้ ธhonglor pet shop จะมาแนะนำขนมสุนัขที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้ว่ามีประเภทอะไรบ้าง พร้อมทั้งเล่าถึงข้อดีและข้อควรระวังของขนมแต่ละประเภทค่ะ

1. Jerky

Jerky – ขนมชนิดชิ้นเนื้ออบแห้ง หรือ Jerky คือชิ้นเนื้อที่ถูกเอาน้ำออกแต่ยังคงกลิ่นไว้ หรือบางที่อาจแต่งกลิ่นเพื่อเพิ่มความน่ากิน โดยส่วนมากนั้น Jerky มักทำจาก ไก่ เนื้อ หรือปลา ซึ่งขนมชนิดนี้ก็ถือได้ว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะสุนัขทานง่ายและแถมยังมีกลิ่นหอมทำให้เจ้าของคิดว่ามันอร่อยไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของควรใส่ใจในการเลือก Jerky ที่ไม่เค็ม ปรุงแต่งรส หรือใส่กลิ่นและสีมากเกินไปเพราะอาจทำให้ท้องเสียหรือเกิดโรคเกี่ยวกับไตในระยายาวได้ (สิ่งที่ควรเข้าใจคือ สุนัขไม่จำเป็นและไม่ควรกินอาหารหรือขนมที่มีรสจัดจ้านไม่ว่าจะเป็น เค็ม เปรี้ยว หวาน เขาเพียงต้องการกลิ่นที่หอมและเนื้อที่เคี้ยวอร่อย)

    1. ข้อดี: สุนัขชอบ, มีโปรตีนและสารอาหารเยอะ
    2. ข้อควรระวัง: Jerky ที่ปรุงแต่งรสมากเกินไป / Jerky ที่ทำมาจากโปรตีนหลายชนิดและไม่สามารถระบุได้ * ควรเลือก Jerky ที่เห็นว่าไม่ได้มีการปรุงแต่งเยอะ ค่า Sodium ไม่สูงหรือไม่มีเลย และทำมาจากเนื้อชนิดเดียว

2. Biscuit

ขนมชนิด biscuit เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สุนัขชื่นชอบ เพราะรับประทานง่าย เคี้ยวสนุก และ ได้พลังงาน ขนม biscuit ที่ดีไม่ควรมีส่วนผสมของไขมัน หรือการปรุงแต่งรส และขนมที่ดีช่วยขัดฟัน และบางชนิดสามารถช่วยทำความสะอาดลำไส้ได้ นอกจากนี้ biscuit ยังเป็นตัวช่วยดีในการฝึกสนุก เพราะทานง่าย และใช้เวลาในการบดเคี้ยวไม่นาน

    1. ข้อดี: ทานง่าย ให้พลังงาน ขัดฟัน ไม่เลอะเทอะ
    2. ข้อควรระวัง: หากทานในปริมาณที่เยอะเกินไปอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องน้ำหนักตัว เพราะพลังงานเยอะและทานได้เร็วต่อวัน

3. Freeze dry

Freeze dry – เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่คล้ายกับ Jerky คือการดึงน้ำออกจากอาหาร โดยข้อดีของมันคือเมื่อนำน้ำใส่กลับเข้าไปจะทำให้อาหารกลับคงรูปคล้ายเนื้อสดๆ หรือ ปลาสดๆ เลย Freeze dried เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานแสนนานแต่วิธีการ Freeze dried ที่คล้ายกับทุกวันนี้เกิดขึ้นตอนที่ NASA ต้องส่งอาหารขึ้นไปให้นักบินอวกาศ ใช่ครับหมาคุณกำลังกินอาหารที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับอาหารนักบินอวกาศ ที่ Freeze dried ได้รับความนิยมใบสัตว์เลี้ยงเพราะมันทำให้เจ้าของพกพาง่าย อายุยาว และสามารถให้กินแบบเติมน้ำหรือไม่เติมน้ำก็อร่อยเหมือนกัน ที่สำคัญยังเป็นโปรตีนชนิดเดียว *สุนัขที่มีปัญหาคลาบน้ำตาหรืออาการแพ้บางอย่างอาจเริ่มจากการให้ขนม Freeze dried เป็นตัวทดลองเพื่อเริ่มหาสาเหตุของการแพ้ จากโปรตีนในเบื้องต้นกได้

    1. ข้อดี: พกพาง่าย สามารถคืนรูปอาหารรูปแบบสดได้ สุนัขส่วนใหญ่ชอบ ได้รับความนิยมสูง
    2. ข้อควรระวัง: ขนม Freeze dried ควรพิจารณาเลือกที่ได้รับมาตรฐานการผลิตมีกระบวนการผลิตที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อให้เนื้อวัตถุดิบได้รับการทำลายเชื้อแบคทีเรีย และปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง

4. Dental stick

Dental stick – ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ขนมประเภทนี้ จะช่วยขัดฟัน ลดกลิ่นปาก และการสะสมของหินปูน โดย dental stick ที่ดีจะต้องทำให้น้องมีความพยายามที่จะแทะ มากที่สุด เพื่อให้เข้าถึงทุกซอกฟัน

      1. ข้อดี: สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี
      2. ข้อควรระวัง: ไม่ควรให้ทานมากเกินไป (หลายคนคิดว่ามีประโยชน์ให้กินเยอะๆได้), 

    *เนื่องจากบางชนิดใช้เวลาในการะแทะนาน ควรเฝ้าระวังไม่ให้แท่งขนมตกอยู่ในที่สกปรก)

5. Human food

Human food – ข้อสุดท้าย คิดว่าหลายบ้านก็คงทำแม้ไม่กล้าจะยอมรับ นั่นก็คือการเอาขนมเราไปให้น้องทาน ซึ่งในทางโภชนาการไม่เหมาะสม เพราะรสชาติที่เข็ม หวาน หรือ มันไปไม่จำเป็นสำหรับสุนัขและยังส่งผลเสียในระยะสั้นและระยะยาว แต่ถ้าอยากให้ขนม และดีต่อสุขภาพน้อง ควรเลือกให้เป็นผลไม้เช่น แอปเปิ้ล แครอท ฝรั่ง แคนตาลูป หรือเนื้ออกไก่ที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งรส (ไม่ควรให้ผลไม้แห้งเพราะน้ำตาลสูง) มั่นฝรั่งทอด biscuit คน หรือ ปลาเส้น

 

Trick for Treat: สุนัขก็เหมือนคนเราไม่ควรทานขนมเยอะหรือให้ทานแทนอาหารมื้อหลัก  ยิ่งในช่วงวัยเด็กการให้ขนมเยอะเกินไปจะทำให้น้องเบื่ออาหารได้ง่าย มีพฤติกรรมไม่ยอมทานอาหารได้  เทคนิคการให้ขนมอย่างเหมาะสมที่สุดคือไม่ควรเกิน 10% ของปริมานการกินทั้งหมดของน้อง(ต่อวัน)

Continue Readingเลือกขนมหมาที่ดี (ดู ข้อดี/ข้อเสีย)

Why LGBT relationship is better with Pet [4 reasons why]

ทำไมการมีสัตว์เลี้ยงถึงทำให้คู่รัก Gay และ Bi เผยว่ามีความสัมพันธุ์ที่ดีขึ้น นี่คือ 4 เหตุผลทำไม: 

1. ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาขึ้น

จากผลสำรวจของเว็บไซท์ rover.com กับคู่รัก gay และ bi ค้นพบว่า 56% ของคู่รักทั้งหมดใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น โดยเวลาทีเพิ่มขึ้นนั้นจะใช้ไปกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเขา

2. มีกิจกรรมใหม่ๆร่วมกันมากขึ้น

การมีสัตว์เลี้ยงทำให้หลายคู่รักมีกิจกรรมใหม่ที่เขาต้องทำรวมกันมากขึ้น เช่นต้องพาไปเดิน พาไปหาหมอ อาบน้ำให้สัตว์ หรือออกไปซื้ออาหารสัตว์

3. มีคนที่ 3 ให้เป็นที่พึ่ง

คู่รักหลายคนเมื่อทะเลาะกันก็ไม่รู้จะหันไปหาใคร การมีสัตว์เลี้ยงเป็นคนที่สามในบ้านทำให้เขามีอีกคนนึงที่จะสามารถระบายและอยู่ข้างเขาเสมอเพราะสุนัขจะรักทั้งคู่และพร้อมจะกอดคุณไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก

(นอกจากนี้กิจกรรมที่เขาต้องทำร่วมกัน ยังทำให้คู่รักต้องหันมาคุยกันจนทำให้โกรธกันไม่ได้นาน)

4. Shared Commitment

การมีสัตว์เป็นสิ่งผูกมัดที่ทำให้คู่รักต้องหันมานั่งวางแผนร่วมกัน คิดถึงอนาคตร่วมกัน และเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตที่ต้องคำนึงถึงอนาคตมากขึ้น เช่นการที่คุณจะมีหมาสักตัว คุณต้องคิดละ ว่าเมื่อถึงวันหยุด คุณจะไปเที่ยวอาทิตย์ไหนดี? ฝากหมาไว้กับใคร? หรือจะหาโรงแรมไหนที่ให้สุนัขเข้าพักด้วยได้?  

(ในผลสำรวจจาก rover.com คู่รักที่มีสุนัขมีโอกาสที่จะเปิดบัญชีธนาคารร่วมมากกว่าคู่รักที่ไม่มี)

5. เตรียมตัวสำหรับการมีลูกจริง 

เกินครึ่งของผู้สำรวจเผยว่าเขาคิดว่าการเลี้ยงสัตว์สามารถเตรียมตัวเขาสำหรับการมีลูกจริงได้ดีขึ้น ทำไมนะหรอ? เพราะการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยมันไม่ได้เหนื่อยแพ้ลูกคนเลย เราเห็นคู่รักหลายคู้นั่งเลือกรถเข็นที่เหมาะกับหมาและ lifestyle เขา อ่านเรื่องการเลือกอาหาร และตื่นมากลางดึกเมื่อลูกร้อง..หมายถึงเมื่อสุนัขร้อง

สินค้าที่ Pet parent ไม่ควรพลาด!

Continue ReadingWhy LGBT relationship is better with Pet [4 reasons why]

7 ข้อบ่งชี้คุณคือ Pet Parent หรือ Pet Owner?

หลายๆบ้านเคยสังเกตไหมคะ? ว่าหลายๆครั้งเวลาเราสื่อสารกับเจ้าหมาน้อยจะใช้คำแทนว่า “ลูก” และเรามักจะแทนตัวเองว่า พ่อ หรือ แม่ ซึ่งถือว่าเป็นคำที่มีความหมายมาก เพราะเราเริ่มเห็นเจ้าสี่ขาเป็นสมาชิคคนหนึ่งของครอบครัว เราเริ่มแสดงความรักและดูแลเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นเด็กตัวน้อยๆในบ้าน 

ซึ่งวันนี้เราจะมาดูข้อแตกต่างระหว่าง Pet parent กับ Pet Owner ว่าต่างกันอย่างไร และคุณอยู่กลุ่มไหนคะ

1. เริ่มนอนบนเตียง

การอุ้มน้องขึ้นมานอนด้วยโดยไม่รู้ตัว เว้นที่นอนไว้ให้น้อง หรือการที่สุนัขหรือแมวของคุณกระโดดขึ้นเตียงเป็นเรื่องธรรมดาเพื่อมานอนข้างคุณหรือบางครั้งก็นอนเบียด

2. แชร์ของใช้ร่วมกัน

ไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าห่ม หรือเก้าอี้ตัวโปรด ถ้าคุณเริ่มแชร์สิ่งที่คุณใช้ในชีวิตประจำวัน คุณกำลังอยู่ในกลุ่ม Pet Parent  

3. “พาไปหาหมอ vs. วันนี้มีนัดหมอแนน”

Pet owner พาสุนัขไปหาหมอ แต่ถ้าคุณเริ่มมีหมอประจำและสัตว์เลี้ยงของคุณจำเป็นต้องเจอหมอคนนี้เท่านั้น คุณกำลังจะเป็น Pet Parent ของแท้

4. คุณเริ่มคุยกับหมาแมวโดยไม่จำเป็น

ถ้าคุณกำลังพยายามจะสื่อสารกับสุนัขหรือแมวของคุณเป็นประจำ โดยสื่อสารแบบตั้งใจให้หมาทำอะไรหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือเข้าใจสิ่งที่คุณพูด (ทั้งที่รู้ว่าน้องไม่เข้าใจภาษามนุษย์) คุณก็คือ Pet Parent คนนึง เช่น

  • Pet Owner: ห้ามกัดนะชูชู!
  • Pet Parent ไม่กัดนะลูกเข้าใจใหม ถ้าหนูกัดแม่จะไม่เล่นด้วยแล้วนะ คนอื่นเขาก็จะไม่รักหนูด้วยนะ รู้ไหมออกมาข้างนอกทีไรทำตัวไม่น่ารักเลยนะ ไม่กัดแล้วนะสัญญากับแม่ก่อน”

5. คุณไปไหนนานๆไม่ได้

ไม่ใช่เพราะกลัวไม่มีคนดูแล แต่เพราะคุณรู้สึกไม่สบายใจหรือเหงา และต้องการที่รีบกลับไปหาน้อง ถ้าคุณเริ่มคิดถึงน้องเหมือนคุณคิดถึงคนรัก คุณก็คือ Pet Parent 

6.รูปสุนัขหรือแมวคุณไม่มีคุณอยู่ในรูป

ลองกลับไปดูรูปในโทรศัพท์คุณ ว่าส่วนใหญ่เป็นรูปคุณถ่ายคู่กันกับน้อง หรือเป็นรูปน้องในอริยาบทต่างๆ ถ้าการถ่ายรูปของคุณเริ่มเป็นการเก็บช่วงเวลาและกิจกรรมต่างๆของน้องมากกว่า คุณก็อาจะเป็น Pet Parent ได้

7.คุณคิดถึงน้องที่จากไปแล้วเหมือนครอบครัวคนนึงที่จากไป

อาจจะหลายปีมาแล้วที่น้องได้จากไป และคุณสามารททำใจได้แล้ว หรืออาจจะสามารถมีน้องหมาตัวใหม่ได้หลังจากผ่านมาสักพัก แต่คุณไม่เคยลืมน้องที่คุณเคยเลี้ยงตอนเด็กๆหรืออยู่ๆดีก็คิดถึงน้องตัวเก่า กลับไปดูรูปเขาและคิดถึงช่วงเวลาดีๆที่ได้ใช้ร่วมกัน นั้นเหละคุณคือ Pet Parent แน่นอน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง: https://www.bdrr.org/dog-blog/pet-parent-pet-owner

สินค้าที่ Pet parent ไม่ควรพลาด!

Continue Reading7 ข้อบ่งชี้คุณคือ Pet Parent หรือ Pet Owner?

7 พ่อหมา ทาสแมวต้องรู้ ! (สุนัขแมวตัวแรกโปรดให้พ่อแม่คุณอ่าน)

เลี้ยงสัตว์ครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง? ใครที่อ่านคอนเทนท์นี่อยู่น่าจะเป็นคนที่กำลังจะหาสัตว์เลี้ยงตัวนึงมาเป็นเพื่อนคู่ใจ  หรือพึ่งจะได้น้องหมาน้องแมวตัวใหม่ แน่นอนเรื่องให้รู้และเตรียมตัวเยอะ ใครจะไปจำได้!  วันนี้เรามีวิธีทำความเข้าใจง่ายๆให้พ่อแม่มือใหม่

ทำความรู้จักสัตว์เลี้ยง 

การเลี้ยงสัตว์ที่ดีเจ้าของจะต้องคำนึงถึง 3 ด้านหลักๆ คือ 1.ด้านสุขภาพ     2.ด้านสังคม (น้องหมาน้องแมวก็มีสังคมนะ)      3.ด้านความสุข

คิดภาพเหมือนเลี้ยงโปเกม่อนหรือทามาก็อต ต้องรักษาสมดุล เขาต้องการกินของอร่อย เขาต้องการความสนใจ เขาต้องการให้เราพาไปเดิน แต่ก็ยังต้องรักษาด้านสุขภาพไว้ เจ้าของมือใหม่หลายคนเลี้ยงหมาแมวครั้งแรกก็รักมาก ให้กินขนมทั้งวันหรือเทอาหารทิ้งไว้ในจานเลย ปัญหาที่เกิดก็คือน้องหมากินขนมจนไม่ยอมกินข้าว หรือกินอาหารที่วางไว้เยอะเกินจำนวนโดยไม่รู้ตัว (การกินโดยไม่รู้ตัวสามารถเกิดขึ้นกับสุนัขพันธุ์ไหนก็ได้ แต่จะพบเห็นบ่อยใน Beagle, Labrador, Dachshund)

สิ่งที่พบบ่อยในไทย: อย่าพึ่งบอกว่า “หมาชั้นไม่อ้วนหรอก ให้ขนมแค่วันละชิ้นเอง” การเลี้ยงของคนไทยนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยเจอปัญหาด้านความสุขเลย เพราะเลี้ยงกันเหมือนลูก สปอยกันจนเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งในบ้านที่เลี้ยงกันในครอบครัวใหญ่ทุกคนพร้อมที่รักน้องหมาน้องแมวตัวใหม่ เมื่อเห็นน้องมาอ้อนก็อยากให้ขนมให้อาหาร ทำให้เกิดเหตุ์การณ์ให้กันคนละชิ้น และทุกคนก็จะคิดว่า “ชิ้นเดียวไม่อ้วนหรอก” แต่ทะว่าทุกคนในบ้านที่ให้ขนมนั้นส่วนมากจะลืมเรื่องการดูแลสุขภาพไปแทนเพราะคิดว่าเดี๋ยวลูกก็พาไปหรือเดี๋ยวแม่ก็เป็นคนพาไปหาหมอเอง จนทำให้ลืมดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ 

 

ล่าสุดรพส.ทองหล่อได้ไปเปิดสาขาที่ย่านสาทร ซึ่งย่านนี้ก็มีครัวเรือนที่อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่อยู่ไม่น้อยและพบว่าสุนัขหลายตัวที่มาไม่ได้ทำวัคซีนกันเลย จนบางบ้านต้องเสียน้องหมาแมวสุดที่รักให้กับโรคที่ป้องกันได้ง่ายๆด้วยวัคซีน

7 สิ่งพื้นฐานที่สัตว์เลี้ยงต้องทำให้ครบ 

เป็น 7 สิ่งที่พ่อแม่มือใหม่ต้องทำ เพราะสำคัญต่อทั้งด้านสุขภาพและสังคมเขา โดยเฉพาะ

  • การฉีดวัคซีน: ฉีดเถอะครับ ขนาดนายยกยังบอก….ล้อเล่นนะครับคนละวัคซีน แต่วัคซีนนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าสุนัขเราไปกัดใคร แล้วไม่มีวัคซีนพิษสุนัขบ้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ บวกกับแวคซีนเป็นสิ่งจำเป็นอยู่แล้วเพราะจะป้องกันไวรัสร้ายแรงได้หลายตัว (e.g. parvovirus, distemper, and etc.) เพราะไวรัสเหล่านี้ติดแล้วเสียชีวิตได้ และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพียงแค่รักษาตามอาการ
  • ป้องกันพยาธิ: เป็นเรื่องที่พบบ่อย เพราะเจ้าของมีความเข้าใจผิด “ฉันเลี้ยงหมาแมวในบ้านปิด ไม่ต้องทำหรอก” แต่พยาธิหนอนหัวใจและลำไส้นั้น พาหะเป็นยุงและที่สำคัญคือเจ้าของหลายคนต้องเสียหมาแมวที่เขารักไปด้วย
  • ใส่ใจพฤติกรรม: บางตัวเห่าหรือกัด ทำให้หมาหรือแมวเจ้าของไม่อยากพาออกไปนอกบ้านซึ่งเมื่อทำเช่นนั้นก็จะทำให้เขาถอยห่างออกจากสังคมเรื่อยๆ จนกระทั้งหลายบ้านสุดท้ายต้องล็อคหมาไว้หรือมัดปากเพราะจะกัดคนอื่น        ด้านพฤติกรรมต้องฝึกตั่งแต่เด็กๆ โดยหลักการณ์ง่ายๆคือเมื่อเขาทำในสิ่งไม่ควรเราก็จะไม่สนใจเขา แต่หากเขาทำสิ่งที่ดีก็ชมเชย เพราะสุนัขสัมผัสจากโทนเสียงของเราและเรียนรู้จากประสบการณ์ 

เห็นมั้ยครับ เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีหลายอย่างต้องจำและต้องทำความเข้าใจ เขาก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง ให้ความใส่ใจ พาเขาออกสังคมและสุดท้ายก็คือให้ความรักเขา สปอยบ้างนิดหน่อยนานๆที เอาแต่พอดีรักษาสมดุลไว้ 🙂

ไม่รู้จะจำหมดได้ไหม? ให้เราช่วยดูแลด้วย Welcome Pack - ดูแลครบจบในแพ็คเดียว

สินค้าแนะนำของลูกสุนัข

Continue Reading7 พ่อหมา ทาสแมวต้องรู้ ! (สุนัขแมวตัวแรกโปรดให้พ่อแม่คุณอ่าน)

เตรียมตัวรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉบับมือโปรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

การรับสุนัขมาเลี้ยงโดยเฉพาะลูกสุนัขนั้นเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวงเลยก็ว่าได้นะคะ เพราะช่วงวัยนี้เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ และตัวเราเองที่จะต้องเป็นคนฝึกสอนพวกเขาให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งการเข้าสังคม การฝึกให้มีระเบียบวินัย และอื่นๆ ดังนั้นเราควรเตรียมตัวรับมือเช่นกัน ไปดูกันเลยว่าเราต้องเตรียมตัวการเลี้ยงลูกสุนัขอย่างไรบ้าง 

  1. พาไปพบสัตวแพทย์ 

วิธีเลี้ยงลูกสุนัขก็คล้ายๆกับเลี้ยงเด็กตัวเล็กๆเลยนะคะ เราควรพาเขาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนประจำปี,ปรึกษาเรื่องโภชนาการที่เหมาะสม, การถ่ายพยาธิ หรือบางกรณีถ้าเราพึ่งรับมาเลี้ยงก็ควรจะตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจว่าเขาแข็งแรงดีนั่นเองค่ะ

2. การฝึกเข้าห้องน้ำ (สำคัญมาก เจ้าของต้องอดทนนะคะ) 

เราควรหาพื้นที่บริเวณในบ้านให้ลูกสุนัขเขาได้ทำธุระ โดยใช้ถาดรองฉี่และแผ่นรองซับเป็นตัวช่วยค่ะ หาพื้นที่วางถาดรองฉี่และเริ่มพาสุนัขไปถาดฉี่เมื่อเราเห็นเขาเริ่มดมๆหาที่ฉี่ หากเขาปัสสาวะหรือขับถ่ายนอกบริเวณเราควรดุพวกเขา และพาเขาไปที่ถาดรองเพื่อให้เขาเรียนรู้นะคะ แต่หากว่าเป็นลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่แนะนำให้พาเขาออกไปที่สวนในบ้านเป็นเวลา เพื่อฝึกให้เขารู้ว่าเวลาออกมาข้างนอกคือเวลาทำธุระค่ะ

3.สินค้าจำเป็นสำหรับลูกสุนัข 

แน่นอนการเลี้ยงลูกสุนัขต้องเตรียมของให้พร้อมนะคะ เตรียมเช็คลิสให้พร้อมและไป Shopping กันเลย 

4.ฝึกการเข้าสังคม 

ช่วง 16 สัปดาห์แรกของลูกสุนัขเป็นช่วงที่เรียนรู้ได้ง่ายที่สุดของวัย เราควรพาลูกสุนัขไปเจอกับสมาชิคในบ้านทุกๆคนเพื่อให้สร้างความคุ้นเคย อีกทั้งพาเขาไปออกมาข้างนอกเช่นเจอสัตวแพทย์ ช่างอาบน้ำ หรือคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่สมาชิคในครอบครัวบ้างเป็นครั้งคราว เจ้าสี่ขาจะได้เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับคนทั่วไปและเป็นมิตรกับทุกๆคนได้นั่นเองค่ะ

5.การออกกำลังกายและทำกิจกรรม 

ลูกสุนัขเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตเหมือนเด็กๆเลยค่ะ ช่วงวัยนี้จะชอบเล่นสนุกและมีพลังงานเหลือเฟือ เราควรพาลูกสุนัขออกไปเล่นข้างนอก หรือหาของเล่นเล่นกับเขา เพื่อให้เขาได้ปลดปล่อยพลังงานที่มีอยู่ อีกทั้งการออกไปวิ่งเล่นยังช่วยลดความเครียดในลูกสุนัขได้อีกด้วย ซึ่งถ้าในแต่ละวันพวกเขาได้เล่นอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยลดปัญหาพฤติกรรมการกัดของในบ้านที่พบเจอได้บ่อยในลูกสุนัขอีกเช่นกันค่ะ

6.การฝึกให้อยู่บริเวณพื้นที่ ที่กำหนดไว้ ในคอกหรือกรง 

คอกของสุนัขควรเป็นที่ที่สงบและสบายสำหรับพวกเขา เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน เราไม่ควรใช้คอกหรือกรงเป็นที่ทำโทษสุนัขนะคะ เพราะในเวลาต่อๆไป จะทำให้พวกเขาไม่ชอบอยู่ในคอกขึ้นมาทันที  สำหรับลูกสุนัขอายุไม่เกิน 6 เดือน ไม่ควรอยู่ในคอกหรือกรงเกิน 2 ถึง 3 ชั่วโมง ไม่รวมตอนกลางคืนที่เป็นเวลานอน 

สินค้าแนะนำของลูกสุนัข

อ้างอิง

  • https://www.cesarsway.com/puppy-101-the-ultimate-guide-to-raising-a-puppy/
  • https://www.care.com/c/stories/6549/8-tips-for-raising-the-perfect-puppy/
  • https://www.hillspet.com/dog-care/new-pet-parent/guide-to-raising-your-puppy
Continue Readingเตรียมตัวรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉบับมือโปรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

รีวิวทรายแมว แบบฉบับปี 2021 ยี่ห้อไหนน่าโดน

การเลือกทรายแมวนั้นอาจเป็นเรื่องที่น่าสับสนสำหรับทาสแมวหลายๆคนใช่มั้ยคะ ไม่ว่าจะเป็นจะเลือกทรายแมวยี่ห้อไหนดี หรือจะเลือกประเภทไหน ซึ่งตอนนี้ในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายประเภททั้ง ทรายแมวเต้าหู้, ทรายแมวไม้สน หรืออื่นๆ วันนี้ Thonglor pet shop คัดมาให้แล้วยี่ห้อไหนน่าโดน บอกเลยว่าไม่ว่าจะประเภทไหนก็มีข้อดีของตัวเองทั้งนั้นเลยค่ะ 

1. ทรายแมวมันสำปะหลัง Dr.Choice

  • รีวิวทรายแมวมันสำปะหลัง Dr.Choice Bionature ย่อยสลายง่าย พร้อมมีนวัตกรรมการจับตัวเป็นก้อนได้เร็ว และสามารถตักออกได้ง่าย อีกทั้งยังควบคุมกลิ่นได้ดีเยี่ยม เป็นทรายแมวไม่กี่เจ้าที่ใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลัง หากแมวเผลอทานเข้าไปก็ไม่เป็นอันตรายและยังใช้กับห้องน้ำแมวอัตโนมัติได้อีกด้วย
  • ข้อสำคัญคือพัฒนาโดยสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และเป็นทรายแมวที่ใช้จริงในโรงพยาบาลแผนกวอร์ดแมวค่ะ 

👉🏻ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Dr.Choice BioNature Tropiosand

  • ปราศจากฝุ่น 99.99% ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100%
  • ไม่ใส่สารเคมีหรือน้ำหอม
  • ปลอดภัยต่อลูกแมว
  • ใช้กับห้องน้ำแมวอัตโนมัติได้

ราคา 295 บาท ขนาด 2.72 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

2. ทรายแมวซังข้าวโพด Kurin Kat

  • รีวิวทรายแมวซังข้าวโพด ย่อยสลายได้ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100 % ตัวทรายเกิดจากความคิดที่ว่าทรายแมวชนิดเบนโทไนท์แม้ว่าจะใช้งานได้ดี แต่ทางธรรมชาติเมื่อเราทิ้งไปแล้วไม่สามารถย่อยสลายได้นั่นเองค่ะ Kurin Kat เป็นทรายแมวที่ทำจากข้าวโพดที่สายรักษ์โลกไม่ควรพลาดเลย
  • ตัวทรายสามารถดูดซับกลิ่นได้ดีเยี่ยม ทิ้งลงชักโครกได้ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและฝุ่นน้อย อีกทั้งยังผ่านการวิจัยและทดสอบคุณภาพร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย 

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Kurin Kat

  • ดูดกลิ่นแอมโมเนียได้ 84%
  • ดูดซับปัสสาวะได้มากกว่า 600%
  • ปราศจากกลิ่นรบกวน มั่นใจได้แม้ใช้ในห้องนอน
  • แนะนำให้ใช้กับกะบะทรายหรือห้องน้ำแมวปกติมากกว่า ห้องน้ำอัตดนมัติ

ราคา 150 บาท ขนาด 5 ลิตร หรือ ประมาณ 2 kg

ราคา 350 บาท ขนาด 10 ลิตร หรือ ประมาณ 5 kg 

>>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

3. ทรายแมวหินภูเขาไฟ Odurlock 

  • ทรายแมวภูเขาไฟเกรดซุปเปอร์พรีเมียมจากประเทศแคนาดา เรียกได้ว่าเป็นทรายที่คนเลี้ยงแมวต้องเคยลองใช้สักครั้งเลยค่ะ เนื่องจากเป็นทรายที่ได้รับผลการโหวตทรายแมวยอดเยี่ยมแห่งปี 2014 จากการโหวดของผู้เลี้ยงแมว
  • เป็นทรายปราศจากฝุ่น 99.9% และปลอดภัยต่อสุขภาพของแมวและผู้เลี้ยง สามารถควมคุมกลิ่นได้มากถึง 40 วัน หากเจ้าเหมียวเข้ามาฉี่แล้วเรายังไม่ได้ตักออกทันที ตัวก้อนจะไม่แตกตัว ทำให้เราตักออกได้ง่ายค่ะ อีกทั้งยังทำให้เราประหยัดตัวทรายที่ใช้อีกด้วย 

 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Odour Lock

  • มีนวัตกรรมดูดซับน้ำได้ถึง 500% มากกว่าทรายปกติถึง 3 เท่า
  • ใช้กับห้องน้ำอัตโนมัติได้
  • ปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจทั้งกับผู้ใช้และแมว

ราคา 325 บาท ขนาด 6 kg  >>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

4. ทรายแมวเต้าหู้ Soya clump 

  • ทรายแมวที่ทำจากกากถั่วเหลืองธรรมชาติที่เหลือจากการผลิตนมถั่วเหลือง ซึ่งสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ 100% มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆมากถึง 7 กลิ่นให้เลือกด้วยกัน ตัวทรายสามารถทิ้งลงชักโครกได้เลย เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ราคาย่อมเยาว์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะ 
  • ตัวทรายมีน้ำเบาพิเศษเมื่อเทียบทรายแมวประอื่น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ 99.9%ไร้ฝุ่น เนื้อทรายมีสัมผัสอ่อนโยนทำให้ไม่ระคายเคืองเท้าน้องเหมียวค่ะ

ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Kit Cat SoyaClump

  • ปราศจากฝุ่น 99%
  • เหมาะสำหรับแมวแพ้ง่าย หรือเจ้าของแมวที่แพ้ง่าย
  • ปลอดภัยสำหรับแมวที่ชอบกินทราย

ราคา 220 บาท ขนาด 7 ลิตร หรือ ประมาน 2.5 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

5.ทรายแมวไม้สน Cat’s Best Sensitive

  • อีกหนึ่งยี่ห้อทรายแมวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นทรายแมวไม้สนที่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน ตัวทรายสามารถย่อยสลายได้ 100% และสามารถาซับของเหลวได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 7 เท่า
  • ตัวสินค้าจะมีอยู่ 3 สูตรหลัก คือ Original, Smart pallet และ Sensitive ซึ่งจะต่างกันที่เนื้อสัมผัสของทรายค่ะ โดยสูตร Sensitive นี้ จะเหมาะสำหรับแมวทุกสายพันธุ์ (โดยเฉพาะแมวป่วย/หลังผ่าตัด/แมวที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ)
  • เห็นทำจากไม้สนแบบนี้แต่เขาไม่ได้โค่นต้นไม้เพื่อมาทำทรายแมวนะคะ แต่เขาใช้ เศษไม้ที่เหลือจากอุตสหกรรม ซึ่งเขาได้ PEFC certificate ที่รับรองว่าการใช้ไม้สนครั้งนี้ ถูกใช้อย่างยั่งยืนและไม่ส่งผลกระทบกับธรรมชาติของผืนป่าไม้นั่นเอง  

ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cat’s Best

  • เม็ดละเอียด นุ่มเท้า จับตัวเป็นก้อนไร้เชื้อรา
  • เก็บกลิ่นได้ดี สามารถทิ้งลงสุขภัณฑ์ภายในบ้าน
  • สามารถใช้กับห้องน้ำอัตโนมัติได้

สูตร Sensitive ราคา 450 บาท ขนาด 2.9 kg หรือ 8L >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

6. ทรายแมวเต้าหู้ Cature 

  • รีวิวทรายแมวเต้าหู้ Cature เป้นทรายแมวระดับ Food grade ที่ปลอดภัยกับแมวทุกช่วงวัย โดยทางแบรนด์ใส่ใจในขั้นตอนผลิตแบบเม็ดต่อเม็ด เพื่อให้มั่นใจว่าเม็ดทรายจะมีขนาดโดยประมาน 2มิลลิเมตร ตัวเนื้อทรายสามารถจับตัวเป็นก่อนได้ดี สามารถทิ้งลงชักโครกได้ และเป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่ย่อยสลายได้ 100% ตามธรรมชาติ
  • โดยเนื้อทรายสามารถซับของเหลวได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 400% และยังมีคุณสมบัติไร้ฝุ่นถึง 99.5% อีกทั้งเนื้อทรายยังมีสัมผัสนุ่ม ไม่ติดอุ้งเท่าเจ้าเหมียว และยังไม่ระคายเคืองอีกด้วย โดยทรายเต้าหู้นี้มี 2 กลิ่นด้วยกันคือกลิ่นชาเขียวและกลิ่นข้าวโพด 

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cature tofu cat Litter

  • ทรายแมวระดับ Food grade หากเผลอทานเข้าไปก็ไม่เป็นอันตราย
  • เนื้อทรายไม่ติดอุ้งเท่า
  • ทิ้งลงชัดโครกได้ และ แนะนำให้ใช้กับกะบะหรือห้องน้ำแมวปกติ

ราคา 269 บาท ขนาด 6 ลิตร หรือ ประมาน 2.5 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

7. ทรายแมวผลิตจากดินธรรมชาติ Biokat 

  • ทรายแมวไม่กี่ยี่ห้อในประเทศไทยที่ผลิตจากดินธรรมชาติ รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่ผสมผงคาร์บอนลงไปด้วย ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บกลิ่น โดยผงคาร์บอนนี้ทำมาจากเปลือกของมะพร้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ทำจากธรรมชาติและนำกลับไปใช้ใหม่ได้ และหากพูดถึงเรื่องการจับตัวเป็นก้อนต้องยกให้ยี่ห้อ Biokat เลยค่ะ เราสามารถตักทรายออกได้ง่ายๆเลย 
  • ตัวเม็ดทรายจะเป็นสีขาว ซึ่งจะทำให้เจ้าของสังเกตเห็นสุขภาพเบื้องต้นของน้องเหมียวได้ หาเพราะทรายสีขาวอ่อนจะทำให้เราสังเกตเห็นสีของปัสสาวะของน้องได้นั่นเองค่ะ  

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cature tofu cat Litter

  • ผสมผงคาร์บอนช่วยเรื่องกลิ่นเป็นพิเศ
  • ผลิตจากดินธรรมชาติเนื้อสีขาวอ่อน
  • ทิ้งลงชัดโครกไม่ได้ และ แนะนำให้ใช้กับกะบะหรือห้องน้ำแมวปกติ

ราคา 290 บาท ขนาด 5 กิโลกรัม

ราคา 490 บาท 10 กิโลกรัม

>>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

สินค้าห้องน้ำและทรายแมว

Continue Readingรีวิวทรายแมว แบบฉบับปี 2021 ยี่ห้อไหนน่าโดน