แมวฉี่ไม่ออก คุณหมอบอกป้องกันได้ ด้วย 4 วิธีง่ายๆ

น้องแมวฉี่ไม่ออก ทำยังไงดี? มาดู 4 วิธีง่ายๆกันเลย

เดี๋ยวเข้า เดี๋ยวออกกระบะทราย เบ่งฉี่นาน ๆ แล้วไม่ออกสักที แมวฉี่ไม่ออกแบบนี้ เป็นเพราะอะไร ต้องรักษายังไง แต่!! ก่อนที่จะปล่อยให้เกิดปัญหาแมวฉี่ไม่ออก 

เราป้องกันได้นะ วันนี้เรามีวิธีป้องกันปัญหาแมวฉี่ไม่ออกมาฝาก เพราะการป้องกัน ดีกว่าการตามรักษาที่ต้องยุ่งยากแน่นอน แต่ทั้งนี้หากบ้านไหนมีอาการฉี่ไม่ออกแล้วควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์โดยด่วนเลย

1.แมวฉี่ไม่ออกป้องกันได้ด้วยน้ำพุแมว

การวางชามใส่น้ำไว้หลาย ๆ จุด เป็นสิ่งที่ดี และกระตุ้นให้แมวอยากกินน้ำมากขึ้นก็จริง แต่ก็อาจจะเจอปัญหาเรื่องน้ำไม่สะอาด เพราะวางชามน้ำไว้นาน ๆ ก็อาจจะมีเศษฝุ่นหล่นใส่ในน้ำ หรือน้องแมวอาจจะไม่สนใจชามใส่น้ำได้เหมือนกัน

ไอเทมที่ใช้ดึงดูดความสนใจ ทำให้น้องแมวอยากจะกินน้ำมากขึ้น ที่ทาสแมวมักจะนึกถึง ก็คือ “น้ำพุแมว”  ที่ผุดออกมาคล้ายแหล่งน้ำธรรมชาติ ช่วยดึงความสนใจจากนิสัยนักล่าของน้องแมว เพราะแมวมีความเชื่อที่ว่า น้ำที่มีการเคลื่อนไหว เป็นน้ำที่สะอาดและสดใหม่ ทำให้น้องแมวกินน้ำได้เยอะขึ้น แค่นี้ ปัญหาน้องแมวฉี่ไม่ออก ก็จะไม่มีอีกแล้ว

2. เลี่ยงสาเหตุที่จะทำให้แมวฉี่ไม่ออก

การที่แมวฉี่ไม่ออก ส่วนใหญ่มักจะเกิดจาก 2 อย่างหลัก ๆ ก็คือ ปัญหาเรื่องความอ้วน เพราะการที่แมวอ้วน ก็มักจะไม่ค่อยอยากจะขยับตัวไปไหน แม้แต่จะเดินไปกินน้ำ เลยทำให้เจ้าเหมียวกินน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการรับ หรืออั้นฉี่บ่อย ๆ เพราะไม่อยากจะเดินไปฉี่ จนเกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้สูงมาก แต่โชคดีที่เรามีอาหารสูตรควบคุมน้ำหนักของน้องแมวกันแล้ว ใครกำลังอยากลดน้ำหนักของแมวแนะนำว่าลองปรึกษาคุณหมอ ให้แนะนำอาหารที่เหมาะสมให้น้องได้นะ

อีกปัญหานึงที่ทำให้แมวฉี่ไม่ออก ก็คือ ความเครียดสะสม เช่น ความเครียดที่เกิดจากกระบะทรายไม่สะอาด ก็เลยไม่อยากจะไปฉี่ หรือไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมรอบๆกระบะทราย ทำให้เข้าห้องน้ำไม่สะดวก ก็เป็นปัญหาให้น้องแมวอั้นฉี่ และฉี่ไม่ออกได้เหมือนกัน

3. จุดวางกระบะทรายช่วยแก้ปัญหาแมวฉี่ไม่ออก

ทำเลการวางกระบะทรายก็แก้ปัญหาแมวฉี่ไม่ออกได้เหมือนกันนะ เพราะแมวรักความเป็นส่วนตัวมาก จุดในการวางกระบะทราย จึงควรอยู่ในบริเวณที่มีความเงียบสงบ และต้องมีจำนวนที่เพียงพอต่อน้องแมวในบ้าน เช่น ถ้าในบ้านมีแมว 2 ตัว กระบะทรายจะต้องบวกอีก 1 เพื่อให้น้องแมวเลือกใช้ห้องน้ำได้อย่างสะดวก ไม่ต้องลำบากเดินไปไกล ๆ ทำให้ไม่ต้องอั้นฉี่นาน ๆ และเกิดอาการฉี่ไม่ออกนั่นเอง

4. ชามใส่น้ำแก้ปัญหาแมวฉี่ไม่ออก

การที่แมวกินน้ำได้เยอะ เป็นสิ่งที่ดี ทาสแมวจึงควรมีถาดใส่น้ำวางไว้หลายๆจุด เพื่อให้น้องแมวกินน้ำได้สะดวก และเป็นการกระตุ้นให้กินน้ำได้มากขึ้น เป็นการแก้ปัญหาแมวฉี่ไม่ออกที่ต้นเหตุเลยก็ว่าได้

Continue Readingแมวฉี่ไม่ออก คุณหมอบอกป้องกันได้ ด้วย 4 วิธีง่ายๆ

7 แชมพูสุนัขน่าใช้ปี 2021 พร้อมเคล็ดลับวิธีเลือกแชมพูหมา

แชมพูสุนัขมียี่ห้อและแบบไหนบ้าง เลือกแบบไหนให้เหมาะกับลูกเรานะ? ช่วง Work from home หลายๆบ้านคงมีเวลาอยู่กับเจ้าสี่ขาเยอะขึ้น ซึ่งกิจกรรมที่ทำกับเจ้าตัวแสบคงหนีไม่พ้นการอาบน้ำจริงไหมคะ 

โดยการเลือกแชมพูจะเริ่มยังไงดี? ก่อนอื่นเราต้องดูสภาพผิวหนังของลูกเราก่อนค่ะ ว่าความต้องการของเขาคืออะไร เช่นลูกเรามีอาการคันหรือไม่? มีเห็บหมัด? หรือมีปัญหากลิ่นตัวหรือไม่? หรือเราต้องการแค่แชมพูที่ชำระล้างสิ่งสกปรกอย่างเดียว? เมื่อเรารู้ความต้องการแล้ว ก็จะทำให้เราเลือกแชมพูสุนัขได้ง่ายขึ้นแต่โดยพื้นฐานแล้วการเลือกแชมพูเราควรดูส่วนประกอบเป็นหลักและเลือกส่วนประกอบที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการระคายเคือง เช่น ว่านหางจระเข้, โอ๊ตมีล, น้ำมันอโวคาโด้ หรือน้ำมันมะพร้าว และยังมีสารช่วยลดการระเคืองอื่นๆอีกมากมายในตลาดตอนนี้ค่ะ

7 อันดับแชมพูอาบน้ำหมาที่เราแนะนำ

1. แชมพูสุนัขและแมว Dr.Choice

สูตรขมิ้นชันช่วยลดอาการคันและเหมาะกับสัตว์เลี้ยงที่มีผิวแพ้ง่าย ตัวแชมพูถูกคิดค้นโดยสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และยังถูกใช้จริงในแผนกกรูมมิ่งอีกด้วย ด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์สูตรเฉพาะของโรงพยาบาลที่มัดใจลูกค้าให้มาใช้บริการกรูมมิ่งอย่างต่อเนื่อง จนทางโรงพยาบาลทนเสียงคำเรียกร้องจากลูกค้าไม่ไหวและต้องทำแชมพูสูตรนี้ออกมาขายในที่สุดค่ะ เป็นแชมพูหมาระดับตำนานที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆค่ะ 

2. Hana pet joy

แชมพูอาบน้ำหมาสัญชาติเกาหลี โดยทุกคนอาจจะรู้จัก Hana pet จากแชมพูอาบน้ำแห้งที่โด่งดัง แต่ทางแบรนด์เขาก็ยังมีแชมพูสุนัขคุณภาพดีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้อีกด้วยนะคะ ซึ่ง 3 สูตรที่มีจะช่วยเรื่องปัญหาต่างๆของสุนัขเช่น ตุ่มแดง, เห็บหมัด และผ่อนคลาย โดยส่วนผสมที่โดดเด่นจะเป็น โปรตีนไหม ( Hydrolyzed Silk) ที่จะดูดซึมลงผิวหนังได้ดี และยังมี Oatmeal,ใบบักบก และ วิตามิน B5 ช่วยบำรุงผิวหนังอย่างอ่อนโยนอีกด้วยค่ะ

3. แชมพูสัตว์เลี้ยง John Paul Pet

เป็นแชมพูอาบน้ำหมาแบบ Tearless ซึ่งหากเผลอเข้าตาจะไม่รู้สึกระคายเคือง อีกทั้งค่า pH ของแชมพูยังเหมาะสมกับผิวหนังของสัตว์เลี้ยง จุดเด่นคือทั้งอ่อนโยนและยังทำความสะอาดได้ล้ำลึก ซึ่งทำให้สุนัขสามารถใช้ได้ทุกช่วงอายุ ทุกสายพันธุ์นั่นเอง ตัวแชมพูจะมีส่วนผสมพิเศษต่างๆที่ทำหน้าที่เป็น conditioners อีกด้วย เช่น ว่านหางจระเข้, ดอกคาโมมายล์ และ โอ๊ตมีลค่ะ.

4.แชมพู Doggy potion

ของคนไทยที่มีมาตั้งแต่ปี 2008 เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์นึงที่หลายๆท่านน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว แชมพูสุนัขของทางแบรนด์มีจุดเด่นตรงที่มีปริมาณส่วนผสมของโอ๊ตมีลที่เข้มข้นมากถึง 20% และยังมีสารสกัดบาเล่ย์มีคุณสมบัติลดอาการอักเสบช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง อีกทั้งน้ำยาอาบน้ำยังมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ติดทนนานเมื่อใช้คู่กับกับสเปรย์บำรุง มีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ทั้งสุนัขและแมว

5. แชมพู Quint

เป็นอีกแบรนด์ของคนไทยที่น่าภูมิใจ เพราะเป็นแชมพูสุนัขออแกนิคสูตรอ่อนโยน และไม่ใช้สารเคมีที่สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองบนผิวหนังของสัตว์เลี้ยง โดยเน้นบำรุงขนและสร้างกลิ่นหอมด้วย Essential oil อีกทั้งยังมีสัตวแพทย์คิดค้นและดูแลการผลิตของแชมพู ซึ่งแชมพูมีหลายสูตรเพื่อให้ตรงความต้องการของสุนัขที่มีขนและผิวหนังที่แตกต่างกันเช่นสูตรลดกลิ่นตัว หรือสูตรสำหรับสุนัขที่มีขนขาวโดยเฉพาะ

6. แชมพูสุนัข Hartz

เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจเพราะราคาไม่แรงและเป็นแชมพูที่มีคุณภาพดีเลยทีเดียว เป็นแชมพูจากอเมริกา Made in USA โดยแชมพูสุนัขทุกสูตรของเขาจะช่วยเรื่องความชุ่มชื้นโดยพื้นฐานอยู่แล้ว และยังมีสูตรเฉพาะเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหนังต่างๆของสุนัขเช่นสูตรลดอาหารคัน, ช่วยเรื่องกลิ่นตัว และสูตรสำหรับสุนัขแก่ อีกทั้งยังเป็นแชมพูที่ได้รับรางวัล 2018 Women’s Choice Award winner เป็นแชมพูสุนัขที่ถูกแนะนำมากที่สุดนั่นเอง

7. แชมพุสุนัข Virbac Episoothe shampoo

เป็นอีกหนึ่งแชมพูที่เรามักจะเห็นสัตวแพทย์แนะนำ เป็นแชมพูสูตรอ่อนโยนสามารถใช้ได้กับสุนัขและแมว ช่วยทำความสะอาดผิว ช่วยฟื้นฟูผิวให้นุ่ม คงความชุ่มชื้นยาวนาน ด้วยสารสกัดจากโอ๊ตมีล และปราศจากสบู่ ซึ่งเหมาะกับสุนัขที่มีอาการคันเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมี D-mannose ซึ่งช่วยเรื่องการติดเชื้อของ bateria และ ยีสต์ด้วยค่ะ

Continue Reading7 แชมพูสุนัขน่าใช้ปี 2021 พร้อมเคล็ดลับวิธีเลือกแชมพูหมา

อาหารสุนัขแก่จำเป็นไหม? ต้องมีวิตามินหมาแก่เสริมด้วยหรือเปล่า?

ในสายตาของเราเจ้าสี่ขาที่ชอบวิ่งเล่นในสนามหญ้า เล่นดินจนเลอะเทอะไปหมด คุณพ่อคุณแม่ก็จะยังมองพวกเขาเป็นเหมือนหมาเด็กอยู่ดีจริงไหมคะ? ช่วงอายุของน้องๆนั้นช่างผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน รู้สึกตัวอีกทีก็ 7 ปีผ่านไปเสียแล้ว ซึ่งเมื่อสุนัขอายุเข้าปีที่ 7 ก็จะถือว่าเป็นหมาแก่นั่นเองค่ะ ุ เมื่อเทียบกับคนแล้วจะเท่ากับอายุ 40 กลางๆสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก และ 50 ต้นๆสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่ค่ะ 

แน่นอนว่าสำหรับสุนัขแก่ อาหารสุนัขแก่เป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆในการดูแลสุขภาพพวกเขาให้แข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้นก็เหมือนมนุษย์เรานี่แหละค่ะที่จะมีปัญหาสุขภาพตามมาเช่น เรื่องข้อกระดูก, สายตา หรือบางครั้งอาจมีการซึมลง ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน วันนี้เราไปทำความรู้จักกับอาหารหมาแก่ให้มากขึ้นกันค่ะ 

1.อาหารสำหรับสุนัขแก่จำเป็นมาก

เนื่องจากอายุที่มากขึ้นกิจกรรมต่างๆของสุนัขก็จะลดลง ทำให้ปริมาณแคลลอลี่ที่ต้องการต่อวันลดลงตามไปด้วย รวมทั้งระบบการเผาผลาญที่ช้า สุนัขแก่จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนสูง อีกทั้งยังมีปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาเช่น ปัญหาสายตาหรือเรื่องข้อกะดูก ซึ่งเป็นอาการที่พบได้มากในสุนัขแก่อยู่แล้วค่ะ แต่เราสามารถชะลอสัญญาณแห่งวัยเหล่านี้ด้วยอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของพวกเขานั่นเอง

โดยเราโชคดีมากๆที่ตอนนี้มีอาหารสุนัขหลากหลายแบรนด์ที่พัฒนาสูตรอาหารเฉพาะสำหรับสุนัขสูงวัยขึ้นมา สามารถเลือกได้ตามขนาดสายพันธุ์ของเด็กๆได้เลยค่ะ

2. วิตามินสุนัขแก่จำเป็นไหม? 

อย่างที่กล่าวไป สุนัขแก่ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องข้อกระดูก ดังนั้นอาหารสูตรเฉพาะสุนัขแก่จะมีส่วนผสมของ glucosamine และ chondroitin sulphate ที่ช่วยบำรุงข้อและกระดูกอยู่ โดยบางกรณีเจ้าของอาจพิจรณาให้วิตามินบำรุงสุนัขแก่เพิ่มเติมเมื่อน้องเริ่มมีอาการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนที่จะเป็นการดีที่สุด เพื่อให้สัตวแพทย์ได้วินิจฉัยอาการและแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับอาการของน้องมากที่สุด

นอกจากวิตามินกลุ่มบำรุงข้อแล้ว สารต้านอนุมุลอิสระก็สำคัญเช่นกัน เมื่อเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ ประกอบกับการเสริมพฤติกรรมของสุนัขแก่ เช่นการเล่น และออกไปทำกิจกรรมข้างนอก หรือการไปเจอสุนัขตัวอื่นๆ จะสามารถช่วยเรื่องความจำและการทำงานของสมองได้ 

วิตามิน C และ E ก็สามารถเพิ่มเข้าไปในอาหารของสุนัขแก่เช่นกัน หรือเจ้าของอาจให้ผัก ผลไม้เพิ่มเติมเช่น บลูเบอร์รี่ หรือ ราสพ์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสสระสูง แต่ให้หลีกเลี่ยงผลไม้ประเภทองุ่นนะคะ เจ้าของควรศึกษาข้อมุลให้ดีก่อนที่จะให้น้องทานสิ่งใหม่ๆ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของน้อง 

3.จะทำอย่างไรเมื่อหมาแก่ไม่ยอมกินข้าว 

เป็นเรื่องปกติที่หมาแก่จะเริ่มเบื่ออาหาร ซึ่งการที่ไม่ยอมทานอาจะเป็นเหตุผลมาจากสุขภาพเช่น ปัญหาในระบบทางเดินอาหาร หรือมะเร็ง เจ้าของควรรีบพาสุนัขไปพบสัตว์แพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการไม่ยอมทานข้าว เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่ได้เป็นปัญหาที่สุขภาพค่ะ 

แต่หากสัตวแพทย์วินิจฉัยแล้วว่า สุนัขไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ การหาท้อปปิ้ง หรืออาหารเปียกเสริมไปในอาหารมื้อหลักก็จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเย้ายวนให้พวกเขาสามารถทานอาหารได้เยอะขึ้นค่ะ

อ้างอิง

  • https://pets.webmd.com/dogs/guide/senior-dog-food#3
  • https://www.petmd.com/dog/care/evr_dg_caring_for_older_dogs_with_health_problems
  • https://www.nbcnews.com/shopping/pets/how-buy-best-senior-dog-food-according-veterinarians-n1235662
  • https://www.akc.org/expert-advice/nutrition/nutrition-and-supplements-for-senior-dogs/
Continue Readingอาหารสุนัขแก่จำเป็นไหม? ต้องมีวิตามินหมาแก่เสริมด้วยหรือเปล่า?

เลือกขนมหมาที่ดี (ดู ข้อดี/ข้อเสีย)

ขนมน้องหมามีให้เลือกเยอะเหลือเกินน ทั้งมาในรูปแบบแท่ง เนื้อชิ้น หรือ freeze dried พ่อหมาแม่หมาอย่างเราก็คงตัดสินใจไม่ถูก ว่าแบบไหนจะเหมาะกับลูกของเรามากที่สุด วันนี้ ธhonglor pet shop จะมาแนะนำขนมสุนัขที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้ว่ามีประเภทอะไรบ้าง พร้อมทั้งเล่าถึงข้อดีและข้อควรระวังของขนมแต่ละประเภทค่ะ

1. Jerky

Jerky – ขนมชนิดชิ้นเนื้ออบแห้ง หรือ Jerky คือชิ้นเนื้อที่ถูกเอาน้ำออกแต่ยังคงกลิ่นไว้ หรือบางที่อาจแต่งกลิ่นเพื่อเพิ่มความน่ากิน โดยส่วนมากนั้น Jerky มักทำจาก ไก่ เนื้อ หรือปลา ซึ่งขนมชนิดนี้ก็ถือได้ว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะสุนัขทานง่ายและแถมยังมีกลิ่นหอมทำให้เจ้าของคิดว่ามันอร่อยไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของควรใส่ใจในการเลือก Jerky ที่ไม่เค็ม ปรุงแต่งรส หรือใส่กลิ่นและสีมากเกินไปเพราะอาจทำให้ท้องเสียหรือเกิดโรคเกี่ยวกับไตในระยายาวได้ (สิ่งที่ควรเข้าใจคือ สุนัขไม่จำเป็นและไม่ควรกินอาหารหรือขนมที่มีรสจัดจ้านไม่ว่าจะเป็น เค็ม เปรี้ยว หวาน เขาเพียงต้องการกลิ่นที่หอมและเนื้อที่เคี้ยวอร่อย)

    1. ข้อดี: สุนัขชอบ, มีโปรตีนและสารอาหารเยอะ
    2. ข้อควรระวัง: Jerky ที่ปรุงแต่งรสมากเกินไป / Jerky ที่ทำมาจากโปรตีนหลายชนิดและไม่สามารถระบุได้ * ควรเลือก Jerky ที่เห็นว่าไม่ได้มีการปรุงแต่งเยอะ ค่า Sodium ไม่สูงหรือไม่มีเลย และทำมาจากเนื้อชนิดเดียว

2. Biscuit

ขนมชนิด biscuit เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สุนัขชื่นชอบ เพราะรับประทานง่าย เคี้ยวสนุก และ ได้พลังงาน ขนม biscuit ที่ดีไม่ควรมีส่วนผสมของไขมัน หรือการปรุงแต่งรส และขนมที่ดีช่วยขัดฟัน และบางชนิดสามารถช่วยทำความสะอาดลำไส้ได้ นอกจากนี้ biscuit ยังเป็นตัวช่วยดีในการฝึกสนุก เพราะทานง่าย และใช้เวลาในการบดเคี้ยวไม่นาน

    1. ข้อดี: ทานง่าย ให้พลังงาน ขัดฟัน ไม่เลอะเทอะ
    2. ข้อควรระวัง: หากทานในปริมาณที่เยอะเกินไปอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องน้ำหนักตัว เพราะพลังงานเยอะและทานได้เร็วต่อวัน

3. Freeze dry

Freeze dry – เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่คล้ายกับ Jerky คือการดึงน้ำออกจากอาหาร โดยข้อดีของมันคือเมื่อนำน้ำใส่กลับเข้าไปจะทำให้อาหารกลับคงรูปคล้ายเนื้อสดๆ หรือ ปลาสดๆ เลย Freeze dried เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานแสนนานแต่วิธีการ Freeze dried ที่คล้ายกับทุกวันนี้เกิดขึ้นตอนที่ NASA ต้องส่งอาหารขึ้นไปให้นักบินอวกาศ ใช่ครับหมาคุณกำลังกินอาหารที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับอาหารนักบินอวกาศ ที่ Freeze dried ได้รับความนิยมใบสัตว์เลี้ยงเพราะมันทำให้เจ้าของพกพาง่าย อายุยาว และสามารถให้กินแบบเติมน้ำหรือไม่เติมน้ำก็อร่อยเหมือนกัน ที่สำคัญยังเป็นโปรตีนชนิดเดียว *สุนัขที่มีปัญหาคลาบน้ำตาหรืออาการแพ้บางอย่างอาจเริ่มจากการให้ขนม Freeze dried เป็นตัวทดลองเพื่อเริ่มหาสาเหตุของการแพ้ จากโปรตีนในเบื้องต้นกได้

    1. ข้อดี: พกพาง่าย สามารถคืนรูปอาหารรูปแบบสดได้ สุนัขส่วนใหญ่ชอบ ได้รับความนิยมสูง
    2. ข้อควรระวัง: ขนม Freeze dried ควรพิจารณาเลือกที่ได้รับมาตรฐานการผลิตมีกระบวนการผลิตที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อให้เนื้อวัตถุดิบได้รับการทำลายเชื้อแบคทีเรีย และปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง

4. Dental stick

Dental stick – ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ขนมประเภทนี้ จะช่วยขัดฟัน ลดกลิ่นปาก และการสะสมของหินปูน โดย dental stick ที่ดีจะต้องทำให้น้องมีความพยายามที่จะแทะ มากที่สุด เพื่อให้เข้าถึงทุกซอกฟัน

      1. ข้อดี: สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี
      2. ข้อควรระวัง: ไม่ควรให้ทานมากเกินไป (หลายคนคิดว่ามีประโยชน์ให้กินเยอะๆได้), 

    *เนื่องจากบางชนิดใช้เวลาในการะแทะนาน ควรเฝ้าระวังไม่ให้แท่งขนมตกอยู่ในที่สกปรก)

5. Human food

Human food – ข้อสุดท้าย คิดว่าหลายบ้านก็คงทำแม้ไม่กล้าจะยอมรับ นั่นก็คือการเอาขนมเราไปให้น้องทาน ซึ่งในทางโภชนาการไม่เหมาะสม เพราะรสชาติที่เข็ม หวาน หรือ มันไปไม่จำเป็นสำหรับสุนัขและยังส่งผลเสียในระยะสั้นและระยะยาว แต่ถ้าอยากให้ขนม และดีต่อสุขภาพน้อง ควรเลือกให้เป็นผลไม้เช่น แอปเปิ้ล แครอท ฝรั่ง แคนตาลูป หรือเนื้ออกไก่ที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งรส (ไม่ควรให้ผลไม้แห้งเพราะน้ำตาลสูง) มั่นฝรั่งทอด biscuit คน หรือ ปลาเส้น

 

Trick for Treat: สุนัขก็เหมือนคนเราไม่ควรทานขนมเยอะหรือให้ทานแทนอาหารมื้อหลัก  ยิ่งในช่วงวัยเด็กการให้ขนมเยอะเกินไปจะทำให้น้องเบื่ออาหารได้ง่าย มีพฤติกรรมไม่ยอมทานอาหารได้  เทคนิคการให้ขนมอย่างเหมาะสมที่สุดคือไม่ควรเกิน 10% ของปริมานการกินทั้งหมดของน้อง(ต่อวัน)

Continue Readingเลือกขนมหมาที่ดี (ดู ข้อดี/ข้อเสีย)

Why LGBT relationship is better with Pet [4 reasons why]

ทำไมการมีสัตว์เลี้ยงถึงทำให้คู่รัก Gay และ Bi เผยว่ามีความสัมพันธุ์ที่ดีขึ้น นี่คือ 4 เหตุผลทำไม: 

1. ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาขึ้น

จากผลสำรวจของเว็บไซท์ rover.com กับคู่รัก gay และ bi ค้นพบว่า 56% ของคู่รักทั้งหมดใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น โดยเวลาทีเพิ่มขึ้นนั้นจะใช้ไปกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเขา

2. มีกิจกรรมใหม่ๆร่วมกันมากขึ้น

การมีสัตว์เลี้ยงทำให้หลายคู่รักมีกิจกรรมใหม่ที่เขาต้องทำรวมกันมากขึ้น เช่นต้องพาไปเดิน พาไปหาหมอ อาบน้ำให้สัตว์ หรือออกไปซื้ออาหารสัตว์

3. มีคนที่ 3 ให้เป็นที่พึ่ง

คู่รักหลายคนเมื่อทะเลาะกันก็ไม่รู้จะหันไปหาใคร การมีสัตว์เลี้ยงเป็นคนที่สามในบ้านทำให้เขามีอีกคนนึงที่จะสามารถระบายและอยู่ข้างเขาเสมอเพราะสุนัขจะรักทั้งคู่และพร้อมจะกอดคุณไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก

(นอกจากนี้กิจกรรมที่เขาต้องทำร่วมกัน ยังทำให้คู่รักต้องหันมาคุยกันจนทำให้โกรธกันไม่ได้นาน)

4. Shared Commitment

การมีสัตว์เป็นสิ่งผูกมัดที่ทำให้คู่รักต้องหันมานั่งวางแผนร่วมกัน คิดถึงอนาคตร่วมกัน และเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตที่ต้องคำนึงถึงอนาคตมากขึ้น เช่นการที่คุณจะมีหมาสักตัว คุณต้องคิดละ ว่าเมื่อถึงวันหยุด คุณจะไปเที่ยวอาทิตย์ไหนดี? ฝากหมาไว้กับใคร? หรือจะหาโรงแรมไหนที่ให้สุนัขเข้าพักด้วยได้?  

(ในผลสำรวจจาก rover.com คู่รักที่มีสุนัขมีโอกาสที่จะเปิดบัญชีธนาคารร่วมมากกว่าคู่รักที่ไม่มี)

5. เตรียมตัวสำหรับการมีลูกจริง 

เกินครึ่งของผู้สำรวจเผยว่าเขาคิดว่าการเลี้ยงสัตว์สามารถเตรียมตัวเขาสำหรับการมีลูกจริงได้ดีขึ้น ทำไมนะหรอ? เพราะการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยมันไม่ได้เหนื่อยแพ้ลูกคนเลย เราเห็นคู่รักหลายคู้นั่งเลือกรถเข็นที่เหมาะกับหมาและ lifestyle เขา อ่านเรื่องการเลือกอาหาร และตื่นมากลางดึกเมื่อลูกร้อง..หมายถึงเมื่อสุนัขร้อง

สินค้าที่ Pet parent ไม่ควรพลาด!

Continue ReadingWhy LGBT relationship is better with Pet [4 reasons why]

7 ข้อบ่งชี้คุณคือ Pet Parent หรือ Pet Owner?

หลายๆบ้านเคยสังเกตไหมคะ? ว่าหลายๆครั้งเวลาเราสื่อสารกับเจ้าหมาน้อยจะใช้คำแทนว่า “ลูก” และเรามักจะแทนตัวเองว่า พ่อ หรือ แม่ ซึ่งถือว่าเป็นคำที่มีความหมายมาก เพราะเราเริ่มเห็นเจ้าสี่ขาเป็นสมาชิคคนหนึ่งของครอบครัว เราเริ่มแสดงความรักและดูแลเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นเด็กตัวน้อยๆในบ้าน 

ซึ่งวันนี้เราจะมาดูข้อแตกต่างระหว่าง Pet parent กับ Pet Owner ว่าต่างกันอย่างไร และคุณอยู่กลุ่มไหนคะ

1. เริ่มนอนบนเตียง

การอุ้มน้องขึ้นมานอนด้วยโดยไม่รู้ตัว เว้นที่นอนไว้ให้น้อง หรือการที่สุนัขหรือแมวของคุณกระโดดขึ้นเตียงเป็นเรื่องธรรมดาเพื่อมานอนข้างคุณหรือบางครั้งก็นอนเบียด

2. แชร์ของใช้ร่วมกัน

ไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าห่ม หรือเก้าอี้ตัวโปรด ถ้าคุณเริ่มแชร์สิ่งที่คุณใช้ในชีวิตประจำวัน คุณกำลังอยู่ในกลุ่ม Pet Parent  

3. “พาไปหาหมอ vs. วันนี้มีนัดหมอแนน”

Pet owner พาสุนัขไปหาหมอ แต่ถ้าคุณเริ่มมีหมอประจำและสัตว์เลี้ยงของคุณจำเป็นต้องเจอหมอคนนี้เท่านั้น คุณกำลังจะเป็น Pet Parent ของแท้

4. คุณเริ่มคุยกับหมาแมวโดยไม่จำเป็น

ถ้าคุณกำลังพยายามจะสื่อสารกับสุนัขหรือแมวของคุณเป็นประจำ โดยสื่อสารแบบตั้งใจให้หมาทำอะไรหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือเข้าใจสิ่งที่คุณพูด (ทั้งที่รู้ว่าน้องไม่เข้าใจภาษามนุษย์) คุณก็คือ Pet Parent คนนึง เช่น

  • Pet Owner: ห้ามกัดนะชูชู!
  • Pet Parent ไม่กัดนะลูกเข้าใจใหม ถ้าหนูกัดแม่จะไม่เล่นด้วยแล้วนะ คนอื่นเขาก็จะไม่รักหนูด้วยนะ รู้ไหมออกมาข้างนอกทีไรทำตัวไม่น่ารักเลยนะ ไม่กัดแล้วนะสัญญากับแม่ก่อน”

5. คุณไปไหนนานๆไม่ได้

ไม่ใช่เพราะกลัวไม่มีคนดูแล แต่เพราะคุณรู้สึกไม่สบายใจหรือเหงา และต้องการที่รีบกลับไปหาน้อง ถ้าคุณเริ่มคิดถึงน้องเหมือนคุณคิดถึงคนรัก คุณก็คือ Pet Parent 

6.รูปสุนัขหรือแมวคุณไม่มีคุณอยู่ในรูป

ลองกลับไปดูรูปในโทรศัพท์คุณ ว่าส่วนใหญ่เป็นรูปคุณถ่ายคู่กันกับน้อง หรือเป็นรูปน้องในอริยาบทต่างๆ ถ้าการถ่ายรูปของคุณเริ่มเป็นการเก็บช่วงเวลาและกิจกรรมต่างๆของน้องมากกว่า คุณก็อาจะเป็น Pet Parent ได้

7.คุณคิดถึงน้องที่จากไปแล้วเหมือนครอบครัวคนนึงที่จากไป

อาจจะหลายปีมาแล้วที่น้องได้จากไป และคุณสามารททำใจได้แล้ว หรืออาจจะสามารถมีน้องหมาตัวใหม่ได้หลังจากผ่านมาสักพัก แต่คุณไม่เคยลืมน้องที่คุณเคยเลี้ยงตอนเด็กๆหรืออยู่ๆดีก็คิดถึงน้องตัวเก่า กลับไปดูรูปเขาและคิดถึงช่วงเวลาดีๆที่ได้ใช้ร่วมกัน นั้นเหละคุณคือ Pet Parent แน่นอน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง: https://www.bdrr.org/dog-blog/pet-parent-pet-owner

สินค้าที่ Pet parent ไม่ควรพลาด!

Continue Reading7 ข้อบ่งชี้คุณคือ Pet Parent หรือ Pet Owner?

เปิดคัมภีร์อาหารสุนัขแพ้ไก่ 13 อันดับ ทั้งแบบเปียกและแห้ง มีสูตรและยี่ห้อไหนบ้าง

บ้านไหนที่มีน้องหมาที่แพ้ไก่ คุณพ่อคุณแม่คงเลือกอาหารให้น้องได้ยากจริงไหมคะ เพราะตอนนี้อาหารน้องหมาส่วนใหญ่จะทำจากไก่ทั้งนั้นเลย วันนี้ทางร้าน Thonglor pet shop เลยคัดเลือกอาหารสุนัขแพ้ไก่เพื่อให้ทางบ้านมีตัวเลือกอาหารและขนมให้น้องมากขึ้นค่ะ

แต่ก่อนอื่นเลย ก่อนที่จะข้อสรุปว่าน้องแพ้ไก่ เราอยากจะแนะนำให้พาสุนัขไปทดสอบภูมิแพ้กับสัตวแพทย์ก่อนนะคะ เพื่อเป็นการยืนยันว่าน้องแพ้ไก่จริงๆ เพราะในสุนัขอาการแพ้ก็สามารถเกิดจากเนื้อประเภทอื่นได้ เช่นปลา หมู หรือ ธัญพืชบางชนิด หรือในบางครั้งอาการแพ้อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับอาหารเลย เช่น เกสรดอกไม้ เชื้อรา หรือตัวไร นั่นเอง

เจ้าของสามารถอ่านการทดสอบภูมิแพ้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/196503423807811/posts/2543858652405598/?d=n

1. Happy Dog

อาหารสุนัขแบบเม็ด Happy dog นำเข้าจากประเทศเยอรมนี โดยจุดเด่นของเขาคือ มี digestibility มากสูงสุด 90% นั่นหมายความว่า เมื่อน้องหมาทานแล้วจะสามารถดูดซับสารอาหารเข้าร่างกายได้ดีนั่นเอง ตัวอาหารไม่มีถั่วเหลือง ไม่ปรุงแต่งสี และไม่มีสารกันบูด อาหาร Happy dog มีให้เลือกหลายสูตร หลายประเภทเนื้อ ตั้งแต่เนื้อกระต่าย, เนื้อนกกระจอกเทศ และเนื้อปลาอีกด้วย

2. Taste of the wild

อาหารสุนัข Taste of the wild นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอาหารสุนัขประเภท Grain-free ไม่มีวัตถุดิบเช่น ข้าวสาลี หรือข้าวโพด โดยโปรตีนหลักที่ใช้จะเป็นเนื้อที่หาได้ยากเช่น เป็ดย่าง เนื้อกวาง ปลาเทารส์ หรือเนื้อวัวแองกัส อีกทั้งทางแบร์นเขายังการันตีว่าอาหารของเขามี Probiotic ที่มีชีวิตกว่า 80 ล้านตัว ซื้อสามารถช่วยเรื่องของการย่อยและดูดซึมอาหารได้อย่างแท้จริง

3. Pinnacle

อาหารสุนัข Pinnacle เป็นอีกแบรน์ดหนึ่งที่นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นอาหารสุนัขประเภท Grain-Free ไม่มีวัตถุดิบเช่น ข้าวสาลี หรือข้าวโพด  เขามีจุดเด่นตรงที่อาหารเม็ดทุกสูตรของเขาจะมีส่วนผสมของควินัว ซึ่งจัดว่าเป็น Super food ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยโปรตีนหลักนั้นมีทั้ง ปลาแซลม่อน และ ปลาเทร้าส์ สามารถทานได้ทุกช่วงวัยและทุกสายพันธุ์ 

4.Orijen

อาหารสุนัข Orijen สูตร 6 fish มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์มากกว่า 85% เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้าจากประเทษแคนนาดา ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับรางวัลอาหารสัตว์แห่งปี มากกว่า 5 ปี ตั้งแต่ 2009-2012, 2015-2017 จาก สถาบันวิจัยด้านอาหารสัตว์ไกลซิมิก (Glycemic Research Institute) วอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสูตรที่น้องหมาแพ้ไก่สามารถทานได้จะเป็นสูตร 6 fish ของทางแบรนด์ค่ะ 

5. Black Hawk

อาหารสุนัข Black Hawk แบรนด์จากประเทศออสเตรเรีย โดยไม่ใช่แค่ผลิตในออสเตรเรียเท่านั้น แต่วัตถุดิบต่างๆที่เลือกใช้ก็มาจากฟาร์มในออสเตรเรียเช่นกัน โดยเขามีทั้งสูตร Original และ Grain-free ให้เลือกตามความต้องการของน้องหมา โดยผู้ริเริ่มเป็นนักเพาะพันธุ์ที่มีความมุ่งมั่นให้สัตว์เลี้ยงของเขามีสุขภาพดี โดยสุขภาพที่ดีนั้นเริ่มต้นจากอาหารที่มีประโยชน์กับเจ้าสี่ขานั่นเอง ประเภทโปรตีนที่หมาแพ้ไก่สามารถทานได้ก็จะมีทั้ง ปลาแซลม่อน และ เนื้อแกะ

6. Maria

อาหารสุนัขแบบเปียก Maria สามารถทานได้ทุกสายพันธุ์และทุกช่วงอายุ ผลิตโดยโรงงานในประเทศไทย คุณภาพไม่แพ้ยี่ห้ออื่นๆเลย ลองมาให้น้องมาได้อร่อยเต็มคำกับอาหาร Maria กัน โดยสำหรับสุนัขที่แพ้ไก่ก็สามารถให้น้องทาน สูตรเนื้อ หรือ ปลาทูน่าได้เลยค่ะ

7. Petsimo

อาหารเปียกสุนัขPetsimo ผลิตโดยโรงงายในประเทศไทย ไม่ใช้เศษอาหารบดในการผลิต แต่เลือกที่จะใช้เนื้อแท้ๆ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสิ่งดีๆมีประโยชน์ เช่น กลูโคซามีน  และ วิตามินอี นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Prebiotic เพื่อการขับถ่ายที่ดีและย่อยง่าย ตัวอาหารได้รับการทดลองว่าค่าการย่อยสูงกว่า 90% เลยทีเดียวซึ่งแปลว่าสารอาหารจะดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีนั่นเอง อาหารไม่มีสารกันบูด ไม่มีสารปรุงแต่งรสชาติ

8. Felina Canino

เป็นอีกยี่ห้อของอาหารสุนัขแบบเปียกที่ผลิตในประเทศไทย Felina Canino มีตัวเลือกอาหารให้น้องหมาหลายรสชาติ ไม่ใส่เกลือ และไม่มีวัตถุกันเสีย ทำจากเนื้อสัตว์เกรดพรีเมี่ยมเป็นเกรดเดียวกันที่คนทานเลยค่ะ โดยอาหารทุกกระป๋องถูกผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิที่สูงกว่า 100 องศา ความพิเศษคือ ของเขามีสูตรอาหารที่เป็นผักล้วนด้วย ซึ่งน้องหมาแพ้ไก่สามารถทานได้สบายหายห่วงเลยค่ะ

เมื่อให้อาหารน้องๆ ทานจนอิ่มและได้สารอาหารที่ครบถ้วนแล้ว เราคงอยากหาขนมให้เขาเป็นรางวัลด้วยจริงไหมคะ ซึ่งขนมที่ทำออกมาโดยไม่มีเนื้อไก่ก็มีตัวเลือกให้เยอะพอสมควรเลยค่ะ  

9. Dr. Choice

ขนมขัดฟัน Dr.Choice DentaCare ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ การันตีเรื่องคุณภาพเพราะเราเป็นคนพัฒนาขึ้นมาเองกับมือค่ะ ตัวขนมนั้นไม่มีเนื้อสัตว์ และยังมีรูปทรงช่วยขัดฟัน ช่วยลดคราบหินปูนได้เป็นอย่างดี มี Beta glucan ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกด้วย

10. Dogster

การ Freeze dried เป็นนวัตกรรมที่ช่วยรักษาสารอาหารของวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี จึงเป็นมั่นใจได้ว่าน้องหมาจะได้ยังได้รับประโยชน์เต็มๆจากขนม Dogster แน่นอน โดยความพิเศษของ Dogster ที่ไม่เหมือนใครก็คือ เราสามารถนำขนมไปแช่น้ำเพื่อคืนรูปเป็นอาหารสดได้ รสชาติอร่อยกว่า กลิ่นหอมกว่าเหมือนของสดจนแยกไม่ออก ซึ่งก็มีหลายสุตรเลยที่น้องหมาแพ้ไก่ทานได้ค่ะ

11. Zeal

ผลิตภัณฑ์ขนมสุนัข Zeal นำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ โดยผลิตจากธรรมชาติ 100% สารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ผสมธัญพืช และ สารกัดบูด ไม่มีสารปรุงแต่งหรือสารเติมแต่งใดๆ ผลิตภัณฑ์ Zeal ทั้งหมดผลิตจากฟาร์มปศุสัตว์ออร์แกนิคในประเทศนิวซีแลนด์ ขนมของเขามีทั้งแบบ Freeze dried และอบแห้ง ตัวเนื้อโปรตีนมีตั้งแต่ กวาง, วัว และ เนื้อแกะเลยค่ะ

12. Biscal

ขนมบิสกิตสุนัขนำเข้าจากญี่ปุ่น ขนมคุกกี้ช่วยลดกลิ่นอุจจาระและปัสสาวะ เริ่มทานเพียงแค่ 3-4 วันจึงจะเริ่มเห็นผล biscal เขามีทั้งสูตรสำหรับลูกสุนัขเริ่มทานได้ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และสุนัขสุงวัยอีกด้วย ตัวคุกกี้ยังช่วยเสริมสร้างแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ และช่วยปรับสมดุลลำไส้ ส่งเสริมให้น้องหมาของเรามีสุขภาพดีค่ะ ตัวบิสกิตไม่มีเนื้อสัตว์และไม่มีสารกันบูด

13.Virbac C.E.T VEGGIEDENT FR3SH

อีกหนึ่งแบรนด์ของขนมขัดฟันที่น่าให้เจ้าสี่ขาได้ลอง ด้วยรูปทรงขนมตัว Z รับกับฟันของน้องหมาได้เป็นอย่างดี กลิ่นปากดีขึ้นและคงอยู่ยาวนานตลอดวัน หลังได้กินแต่ละชิ้น วัตถุดิบจากธรรมชาติ ปราศจากสารสังเคราะห์ หรือสารเคมี ปราศจากข้าวโพดตัดแต่งพันธุกรรม (Non-GMO Corn) ปราศจากเนื้อ และข้าวสาลี (Wheat-Free)

หากเจ้าของยังอยากเลือกขนมให้น้องอยู่ เราก้ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่เรายังไม่ได้พูดถึงกันวันนี้ค่ะ สามารถคลิ๊กด้านล่างเพื่อดูขนมสุนัขทั้งหมดได้เลยค่ะ

Continue Readingเปิดคัมภีร์อาหารสุนัขแพ้ไก่ 13 อันดับ ทั้งแบบเปียกและแห้ง มีสูตรและยี่ห้อไหนบ้าง

ของเล่นใครว่าไม่จำเป็นกับสุนัข? โดยหมอปาล์ม Happy Howl – Dog Behaviour and Boarding Services

เจ้าของคงเคยสังเกตพฤติกรรมของน้องหมา เช่น กัดแทะเฟอร์นิเจอร์ หรือชอบรื้อของใช้ในบ้านใช่ไหมคะ? สาเหตุนั้นอาจมาจากการความเครียดที่พวกเขาไม่ได้แสดงออกพฤติกรรมธรรมชาติอย่างเหมาะสม ดังนั้นไม่แน่การที่เรามีของเล่นหลายๆแบบให้สุนัข อาจช่วยแก้ปัญหาพฤติกรรมเหล่านี้ได้

ทำไมเราต้องเตรียมของเล่นให้น้องหมาด้วย? การออกไปเล่นข้างนอกอาจไม่เพียงพอ เรามาหาคำตอบกันว่าของเล่นสุนัขนั้นสำคัญอย่างไร?

สัญชาตญาณตามธรรมชาติน้องหมา

น้องหมาในธรรมชาติ พบว่ามีสิ่งต่างๆให้เค้าได้เล่นวิ่งเล่น ได้สำรวจเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการได้ไปดมกลิ่นต่างๆ การได้ไปกัดเเทะกิ่งไม้ ไปเล็มใบไม้ใบหญ้า 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่ทำให้น้องหมาได้มีการฝึกร่างกาย สมอง และกระตุ้นจิตใจ(Physical&Mental stimulation)ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการเล่นกันเองในครอกหรือฝูงนั้นๆให้เค้ารู้จักการเข้าสังคม(Social behaviour)อย่างเหมาะสม

ดังนั้นเวลาเราพาเขามาเลี้ยง เรายังคงจำเป็นต้องหากิจกรรมที่สอดคล้องให้พวกเขาได้แสดงออกทางพฤติกรรมธรรมชาติเหล่านั้นอย่างเหมาะสม ดังนั้นเจ้าของอาจเคยเห็นว่าของเล่นสุนัขนั้นมีหลายแบบเหลือเกิน ทั้ง ไม้ ยาง หรือผ้า ซึ่งอุปกรณ์ของเล่นต่างๆ ก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมธรรมชาติของสุนัขนั่นเอ

1.ตอบสนองพฤติกรรม”การกัดแทะ”🦴

เราไม่สามารถห้าม หรือบังคับให้เขาหยุดกัดไม่ได้ เนื่องจากเป็นธรรมชาติของสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องหมาวัยเด็กที่ฟันกำลังขึ้น เขาจะคันฟันเป็นพิเศษ เรายิ่งจำเป็นต้องมีของให้เขากัดเเทะเยอะๆ ยิ่งtexture หลากหลายยิ่งดี เช่นผ้า,ยาง,พลาสติก,ไม้,กระดูกวัวและขนมขัดฟัน เป็นต้น ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเค้าจะไปหาอะไรที่เราไม่อนุญาตให้กัดเอง 

2.ตอบสนอง”การไล่ล่า” ⚾️

สุนัขไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนก็ล้วนแล้วมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขป่า ดังนั้นการชอบไล่ลาก็เป็นพฤติกรรมที่เป็นสัญชาตญาณของพวกเขาอยู่แล้ว เพื่อให้น้องหมาได้ออกกำลังกายทางร่างกายและได้ใช้ทักษะการไล่ลา ของเล่นเช่นลูกบอล, Flirt pole(คล้ายๆไม้ตะปบของแมว), Frisbee(จานร่อน) จึงเป็นของเล่นที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

3.ตอบสนอง”การดมกลิ่น”🧠
ส่วนนี้สำคัญและจำเป็นมากเพราะสมองในส่วนนี้ถือเป็นจุดเด่นของสุนัข และยังมีเซลล์ประสาทรับกลิ่นกว่ามนุษย์เราถึง ~60 เท่า ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมพฤติกรรมเหล่านี้ให้น้องหมาของเรา ของเล่นในกลุ่มนี้อาจมาในรูปแบบที่ใส่ขนมหรืออาหาร เข้าไปข้างในเพื่อให้ได้ใช้ประสาทสัมผัสการดมกลิ่นได้เต็มที่ เช่นพวก Foodtoys รูปแบบต่างๆ

📌Tips เคล็ดไม่ลับที่อยากให้เจ้าของนำไปใช้  
– ของเล่นยิ่งเยอะ ยิ่งดี จะD.I.Y.ก็ได้น้า
– มีของเล่นหลากหลายfunction
– แบ่งเป็นGroup &Rotate จะfixตามวัน หรือทุกๆ3-4 วันเปลี่ยนก็ได้
– หมั่นทำความสะอาดของเล่น

เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถช่วยลดและป้องกันปัญหาพฤติกรรม ที่สาเหตุนั้นอาจมาจากการความเครียดที่เค้าไม่ได้แสดงออกพฤติกรรมธรรมชาติอย่างเหมาะสมนอกจากนี้ของเล่นเหล่านี้ยังสามารถใช้ในฝึก&การทำพฤติกรรมบำบัดได้อีกด้วย

ขอบคุณบทความดีๆจาก 🏡 Happy Howl – Dog Behaviour and Boarding Services ศูนย์พฤติกรรมสัตว์เลี้ยง ให้บริการโดยสัตวแพทย์

Continue Readingของเล่นใครว่าไม่จำเป็นกับสุนัข? โดยหมอปาล์ม Happy Howl – Dog Behaviour and Boarding Services

7 พ่อหมา ทาสแมวต้องรู้ ! (สุนัขแมวตัวแรกโปรดให้พ่อแม่คุณอ่าน)

เลี้ยงสัตว์ครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง? ใครที่อ่านคอนเทนท์นี่อยู่น่าจะเป็นคนที่กำลังจะหาสัตว์เลี้ยงตัวนึงมาเป็นเพื่อนคู่ใจ  หรือพึ่งจะได้น้องหมาน้องแมวตัวใหม่ แน่นอนเรื่องให้รู้และเตรียมตัวเยอะ ใครจะไปจำได้!  วันนี้เรามีวิธีทำความเข้าใจง่ายๆให้พ่อแม่มือใหม่

ทำความรู้จักสัตว์เลี้ยง 

การเลี้ยงสัตว์ที่ดีเจ้าของจะต้องคำนึงถึง 3 ด้านหลักๆ คือ 1.ด้านสุขภาพ     2.ด้านสังคม (น้องหมาน้องแมวก็มีสังคมนะ)      3.ด้านความสุข

คิดภาพเหมือนเลี้ยงโปเกม่อนหรือทามาก็อต ต้องรักษาสมดุล เขาต้องการกินของอร่อย เขาต้องการความสนใจ เขาต้องการให้เราพาไปเดิน แต่ก็ยังต้องรักษาด้านสุขภาพไว้ เจ้าของมือใหม่หลายคนเลี้ยงหมาแมวครั้งแรกก็รักมาก ให้กินขนมทั้งวันหรือเทอาหารทิ้งไว้ในจานเลย ปัญหาที่เกิดก็คือน้องหมากินขนมจนไม่ยอมกินข้าว หรือกินอาหารที่วางไว้เยอะเกินจำนวนโดยไม่รู้ตัว (การกินโดยไม่รู้ตัวสามารถเกิดขึ้นกับสุนัขพันธุ์ไหนก็ได้ แต่จะพบเห็นบ่อยใน Beagle, Labrador, Dachshund)

สิ่งที่พบบ่อยในไทย: อย่าพึ่งบอกว่า “หมาชั้นไม่อ้วนหรอก ให้ขนมแค่วันละชิ้นเอง” การเลี้ยงของคนไทยนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยเจอปัญหาด้านความสุขเลย เพราะเลี้ยงกันเหมือนลูก สปอยกันจนเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งในบ้านที่เลี้ยงกันในครอบครัวใหญ่ทุกคนพร้อมที่รักน้องหมาน้องแมวตัวใหม่ เมื่อเห็นน้องมาอ้อนก็อยากให้ขนมให้อาหาร ทำให้เกิดเหตุ์การณ์ให้กันคนละชิ้น และทุกคนก็จะคิดว่า “ชิ้นเดียวไม่อ้วนหรอก” แต่ทะว่าทุกคนในบ้านที่ให้ขนมนั้นส่วนมากจะลืมเรื่องการดูแลสุขภาพไปแทนเพราะคิดว่าเดี๋ยวลูกก็พาไปหรือเดี๋ยวแม่ก็เป็นคนพาไปหาหมอเอง จนทำให้ลืมดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ 

 

ล่าสุดรพส.ทองหล่อได้ไปเปิดสาขาที่ย่านสาทร ซึ่งย่านนี้ก็มีครัวเรือนที่อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่อยู่ไม่น้อยและพบว่าสุนัขหลายตัวที่มาไม่ได้ทำวัคซีนกันเลย จนบางบ้านต้องเสียน้องหมาแมวสุดที่รักให้กับโรคที่ป้องกันได้ง่ายๆด้วยวัคซีน

7 สิ่งพื้นฐานที่สัตว์เลี้ยงต้องทำให้ครบ 

เป็น 7 สิ่งที่พ่อแม่มือใหม่ต้องทำ เพราะสำคัญต่อทั้งด้านสุขภาพและสังคมเขา โดยเฉพาะ

  • การฉีดวัคซีน: ฉีดเถอะครับ ขนาดนายยกยังบอก….ล้อเล่นนะครับคนละวัคซีน แต่วัคซีนนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าสุนัขเราไปกัดใคร แล้วไม่มีวัคซีนพิษสุนัขบ้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ บวกกับแวคซีนเป็นสิ่งจำเป็นอยู่แล้วเพราะจะป้องกันไวรัสร้ายแรงได้หลายตัว (e.g. parvovirus, distemper, and etc.) เพราะไวรัสเหล่านี้ติดแล้วเสียชีวิตได้ และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพียงแค่รักษาตามอาการ
  • ป้องกันพยาธิ: เป็นเรื่องที่พบบ่อย เพราะเจ้าของมีความเข้าใจผิด “ฉันเลี้ยงหมาแมวในบ้านปิด ไม่ต้องทำหรอก” แต่พยาธิหนอนหัวใจและลำไส้นั้น พาหะเป็นยุงและที่สำคัญคือเจ้าของหลายคนต้องเสียหมาแมวที่เขารักไปด้วย
  • ใส่ใจพฤติกรรม: บางตัวเห่าหรือกัด ทำให้หมาหรือแมวเจ้าของไม่อยากพาออกไปนอกบ้านซึ่งเมื่อทำเช่นนั้นก็จะทำให้เขาถอยห่างออกจากสังคมเรื่อยๆ จนกระทั้งหลายบ้านสุดท้ายต้องล็อคหมาไว้หรือมัดปากเพราะจะกัดคนอื่น        ด้านพฤติกรรมต้องฝึกตั่งแต่เด็กๆ โดยหลักการณ์ง่ายๆคือเมื่อเขาทำในสิ่งไม่ควรเราก็จะไม่สนใจเขา แต่หากเขาทำสิ่งที่ดีก็ชมเชย เพราะสุนัขสัมผัสจากโทนเสียงของเราและเรียนรู้จากประสบการณ์ 

เห็นมั้ยครับ เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีหลายอย่างต้องจำและต้องทำความเข้าใจ เขาก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง ให้ความใส่ใจ พาเขาออกสังคมและสุดท้ายก็คือให้ความรักเขา สปอยบ้างนิดหน่อยนานๆที เอาแต่พอดีรักษาสมดุลไว้ 🙂

ไม่รู้จะจำหมดได้ไหม? ให้เราช่วยดูแลด้วย Welcome Pack - ดูแลครบจบในแพ็คเดียว

สินค้าแนะนำของลูกสุนัข

Continue Reading7 พ่อหมา ทาสแมวต้องรู้ ! (สุนัขแมวตัวแรกโปรดให้พ่อแม่คุณอ่าน)

เตรียมตัวรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉบับมือโปรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

การรับสุนัขมาเลี้ยงโดยเฉพาะลูกสุนัขนั้นเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวงเลยก็ว่าได้นะคะ เพราะช่วงวัยนี้เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ และตัวเราเองที่จะต้องเป็นคนฝึกสอนพวกเขาให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งการเข้าสังคม การฝึกให้มีระเบียบวินัย และอื่นๆ ดังนั้นเราควรเตรียมตัวรับมือเช่นกัน ไปดูกันเลยว่าเราต้องเตรียมตัวการเลี้ยงลูกสุนัขอย่างไรบ้าง 

  1. พาไปพบสัตวแพทย์ 

วิธีเลี้ยงลูกสุนัขก็คล้ายๆกับเลี้ยงเด็กตัวเล็กๆเลยนะคะ เราควรพาเขาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนประจำปี,ปรึกษาเรื่องโภชนาการที่เหมาะสม, การถ่ายพยาธิ หรือบางกรณีถ้าเราพึ่งรับมาเลี้ยงก็ควรจะตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจว่าเขาแข็งแรงดีนั่นเองค่ะ

2. การฝึกเข้าห้องน้ำ (สำคัญมาก เจ้าของต้องอดทนนะคะ) 

เราควรหาพื้นที่บริเวณในบ้านให้ลูกสุนัขเขาได้ทำธุระ โดยใช้ถาดรองฉี่และแผ่นรองซับเป็นตัวช่วยค่ะ หาพื้นที่วางถาดรองฉี่และเริ่มพาสุนัขไปถาดฉี่เมื่อเราเห็นเขาเริ่มดมๆหาที่ฉี่ หากเขาปัสสาวะหรือขับถ่ายนอกบริเวณเราควรดุพวกเขา และพาเขาไปที่ถาดรองเพื่อให้เขาเรียนรู้นะคะ แต่หากว่าเป็นลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่แนะนำให้พาเขาออกไปที่สวนในบ้านเป็นเวลา เพื่อฝึกให้เขารู้ว่าเวลาออกมาข้างนอกคือเวลาทำธุระค่ะ

3.สินค้าจำเป็นสำหรับลูกสุนัข 

แน่นอนการเลี้ยงลูกสุนัขต้องเตรียมของให้พร้อมนะคะ เตรียมเช็คลิสให้พร้อมและไป Shopping กันเลย 

4.ฝึกการเข้าสังคม 

ช่วง 16 สัปดาห์แรกของลูกสุนัขเป็นช่วงที่เรียนรู้ได้ง่ายที่สุดของวัย เราควรพาลูกสุนัขไปเจอกับสมาชิคในบ้านทุกๆคนเพื่อให้สร้างความคุ้นเคย อีกทั้งพาเขาไปออกมาข้างนอกเช่นเจอสัตวแพทย์ ช่างอาบน้ำ หรือคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่สมาชิคในครอบครัวบ้างเป็นครั้งคราว เจ้าสี่ขาจะได้เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับคนทั่วไปและเป็นมิตรกับทุกๆคนได้นั่นเองค่ะ

5.การออกกำลังกายและทำกิจกรรม 

ลูกสุนัขเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตเหมือนเด็กๆเลยค่ะ ช่วงวัยนี้จะชอบเล่นสนุกและมีพลังงานเหลือเฟือ เราควรพาลูกสุนัขออกไปเล่นข้างนอก หรือหาของเล่นเล่นกับเขา เพื่อให้เขาได้ปลดปล่อยพลังงานที่มีอยู่ อีกทั้งการออกไปวิ่งเล่นยังช่วยลดความเครียดในลูกสุนัขได้อีกด้วย ซึ่งถ้าในแต่ละวันพวกเขาได้เล่นอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยลดปัญหาพฤติกรรมการกัดของในบ้านที่พบเจอได้บ่อยในลูกสุนัขอีกเช่นกันค่ะ

6.การฝึกให้อยู่บริเวณพื้นที่ ที่กำหนดไว้ ในคอกหรือกรง 

คอกของสุนัขควรเป็นที่ที่สงบและสบายสำหรับพวกเขา เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน เราไม่ควรใช้คอกหรือกรงเป็นที่ทำโทษสุนัขนะคะ เพราะในเวลาต่อๆไป จะทำให้พวกเขาไม่ชอบอยู่ในคอกขึ้นมาทันที  สำหรับลูกสุนัขอายุไม่เกิน 6 เดือน ไม่ควรอยู่ในคอกหรือกรงเกิน 2 ถึง 3 ชั่วโมง ไม่รวมตอนกลางคืนที่เป็นเวลานอน 

สินค้าแนะนำของลูกสุนัข

อ้างอิง

  • https://www.cesarsway.com/puppy-101-the-ultimate-guide-to-raising-a-puppy/
  • https://www.care.com/c/stories/6549/8-tips-for-raising-the-perfect-puppy/
  • https://www.hillspet.com/dog-care/new-pet-parent/guide-to-raising-your-puppy
Continue Readingเตรียมตัวรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉบับมือโปรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ