เปิดคัมภีร์อาหารสุนัขแพ้ไก่ 13 อันดับ ทั้งแบบเปียกและแห้ง มีสูตรและยี่ห้อไหนบ้าง

บ้านไหนที่มีน้องหมาที่แพ้ไก่ คุณพ่อคุณแม่คงเลือกอาหารให้น้องได้ยากจริงไหมคะ เพราะตอนนี้อาหารน้องหมาส่วนใหญ่จะทำจากไก่ทั้งนั้นเลย วันนี้ทางร้าน Thonglor pet shop เลยคัดเลือกอาหารสุนัขแพ้ไก่เพื่อให้ทางบ้านมีตัวเลือกอาหารและขนมให้น้องมากขึ้นค่ะ

แต่ก่อนอื่นเลย ก่อนที่จะข้อสรุปว่าน้องแพ้ไก่ เราอยากจะแนะนำให้พาสุนัขไปทดสอบภูมิแพ้กับสัตวแพทย์ก่อนนะคะ เพื่อเป็นการยืนยันว่าน้องแพ้ไก่จริงๆ เพราะในสุนัขอาการแพ้ก็สามารถเกิดจากเนื้อประเภทอื่นได้ เช่นปลา หมู หรือ ธัญพืชบางชนิด หรือในบางครั้งอาการแพ้อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับอาหารเลย เช่น เกสรดอกไม้ เชื้อรา หรือตัวไร นั่นเอง

เจ้าของสามารถอ่านการทดสอบภูมิแพ้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/196503423807811/posts/2543858652405598/?d=n

1. Happy Dog

อาหารสุนัขแบบเม็ด Happy dog นำเข้าจากประเทศเยอรมนี โดยจุดเด่นของเขาคือ มี digestibility มากสูงสุด 90% นั่นหมายความว่า เมื่อน้องหมาทานแล้วจะสามารถดูดซับสารอาหารเข้าร่างกายได้ดีนั่นเอง ตัวอาหารไม่มีถั่วเหลือง ไม่ปรุงแต่งสี และไม่มีสารกันบูด อาหาร Happy dog มีให้เลือกหลายสูตร หลายประเภทเนื้อ ตั้งแต่เนื้อกระต่าย, เนื้อนกกระจอกเทศ และเนื้อปลาอีกด้วย

2. Taste of the wild

อาหารสุนัข Taste of the wild นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอาหารสุนัขประเภท Grain-free ไม่มีวัตถุดิบเช่น ข้าวสาลี หรือข้าวโพด โดยโปรตีนหลักที่ใช้จะเป็นเนื้อที่หาได้ยากเช่น เป็ดย่าง เนื้อกวาง ปลาเทารส์ หรือเนื้อวัวแองกัส อีกทั้งทางแบร์นเขายังการันตีว่าอาหารของเขามี Probiotic ที่มีชีวิตกว่า 80 ล้านตัว ซื้อสามารถช่วยเรื่องของการย่อยและดูดซึมอาหารได้อย่างแท้จริง

3. Pinnacle

อาหารสุนัข Pinnacle เป็นอีกแบรน์ดหนึ่งที่นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นอาหารสุนัขประเภท Grain-Free ไม่มีวัตถุดิบเช่น ข้าวสาลี หรือข้าวโพด  เขามีจุดเด่นตรงที่อาหารเม็ดทุกสูตรของเขาจะมีส่วนผสมของควินัว ซึ่งจัดว่าเป็น Super food ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยโปรตีนหลักนั้นมีทั้ง ปลาแซลม่อน และ ปลาเทร้าส์ สามารถทานได้ทุกช่วงวัยและทุกสายพันธุ์ 

4.Orijen

อาหารสุนัข Orijen สูตร 6 fish มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์มากกว่า 85% เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้าจากประเทษแคนนาดา ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับรางวัลอาหารสัตว์แห่งปี มากกว่า 5 ปี ตั้งแต่ 2009-2012, 2015-2017 จาก สถาบันวิจัยด้านอาหารสัตว์ไกลซิมิก (Glycemic Research Institute) วอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสูตรที่น้องหมาแพ้ไก่สามารถทานได้จะเป็นสูตร 6 fish ของทางแบรนด์ค่ะ 

5. Black Hawk

อาหารสุนัข Black Hawk แบรนด์จากประเทศออสเตรเรีย โดยไม่ใช่แค่ผลิตในออสเตรเรียเท่านั้น แต่วัตถุดิบต่างๆที่เลือกใช้ก็มาจากฟาร์มในออสเตรเรียเช่นกัน โดยเขามีทั้งสูตร Original และ Grain-free ให้เลือกตามความต้องการของน้องหมา โดยผู้ริเริ่มเป็นนักเพาะพันธุ์ที่มีความมุ่งมั่นให้สัตว์เลี้ยงของเขามีสุขภาพดี โดยสุขภาพที่ดีนั้นเริ่มต้นจากอาหารที่มีประโยชน์กับเจ้าสี่ขานั่นเอง ประเภทโปรตีนที่หมาแพ้ไก่สามารถทานได้ก็จะมีทั้ง ปลาแซลม่อน และ เนื้อแกะ

6. Maria

อาหารสุนัขแบบเปียก Maria สามารถทานได้ทุกสายพันธุ์และทุกช่วงอายุ ผลิตโดยโรงงานในประเทศไทย คุณภาพไม่แพ้ยี่ห้ออื่นๆเลย ลองมาให้น้องมาได้อร่อยเต็มคำกับอาหาร Maria กัน โดยสำหรับสุนัขที่แพ้ไก่ก็สามารถให้น้องทาน สูตรเนื้อ หรือ ปลาทูน่าได้เลยค่ะ

7. Petsimo

อาหารเปียกสุนัขPetsimo ผลิตโดยโรงงายในประเทศไทย ไม่ใช้เศษอาหารบดในการผลิต แต่เลือกที่จะใช้เนื้อแท้ๆ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสิ่งดีๆมีประโยชน์ เช่น กลูโคซามีน  และ วิตามินอี นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Prebiotic เพื่อการขับถ่ายที่ดีและย่อยง่าย ตัวอาหารได้รับการทดลองว่าค่าการย่อยสูงกว่า 90% เลยทีเดียวซึ่งแปลว่าสารอาหารจะดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีนั่นเอง อาหารไม่มีสารกันบูด ไม่มีสารปรุงแต่งรสชาติ

8. Felina Canino

เป็นอีกยี่ห้อของอาหารสุนัขแบบเปียกที่ผลิตในประเทศไทย Felina Canino มีตัวเลือกอาหารให้น้องหมาหลายรสชาติ ไม่ใส่เกลือ และไม่มีวัตถุกันเสีย ทำจากเนื้อสัตว์เกรดพรีเมี่ยมเป็นเกรดเดียวกันที่คนทานเลยค่ะ โดยอาหารทุกกระป๋องถูกผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิที่สูงกว่า 100 องศา ความพิเศษคือ ของเขามีสูตรอาหารที่เป็นผักล้วนด้วย ซึ่งน้องหมาแพ้ไก่สามารถทานได้สบายหายห่วงเลยค่ะ

เมื่อให้อาหารน้องๆ ทานจนอิ่มและได้สารอาหารที่ครบถ้วนแล้ว เราคงอยากหาขนมให้เขาเป็นรางวัลด้วยจริงไหมคะ ซึ่งขนมที่ทำออกมาโดยไม่มีเนื้อไก่ก็มีตัวเลือกให้เยอะพอสมควรเลยค่ะ  

9. Dr. Choice

ขนมขัดฟัน Dr.Choice DentaCare ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ การันตีเรื่องคุณภาพเพราะเราเป็นคนพัฒนาขึ้นมาเองกับมือค่ะ ตัวขนมนั้นไม่มีเนื้อสัตว์ และยังมีรูปทรงช่วยขัดฟัน ช่วยลดคราบหินปูนได้เป็นอย่างดี มี Beta glucan ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกด้วย

10. Dogster

การ Freeze dried เป็นนวัตกรรมที่ช่วยรักษาสารอาหารของวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี จึงเป็นมั่นใจได้ว่าน้องหมาจะได้ยังได้รับประโยชน์เต็มๆจากขนม Dogster แน่นอน โดยความพิเศษของ Dogster ที่ไม่เหมือนใครก็คือ เราสามารถนำขนมไปแช่น้ำเพื่อคืนรูปเป็นอาหารสดได้ รสชาติอร่อยกว่า กลิ่นหอมกว่าเหมือนของสดจนแยกไม่ออก ซึ่งก็มีหลายสุตรเลยที่น้องหมาแพ้ไก่ทานได้ค่ะ

11. Zeal

ผลิตภัณฑ์ขนมสุนัข Zeal นำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ โดยผลิตจากธรรมชาติ 100% สารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ผสมธัญพืช และ สารกัดบูด ไม่มีสารปรุงแต่งหรือสารเติมแต่งใดๆ ผลิตภัณฑ์ Zeal ทั้งหมดผลิตจากฟาร์มปศุสัตว์ออร์แกนิคในประเทศนิวซีแลนด์ ขนมของเขามีทั้งแบบ Freeze dried และอบแห้ง ตัวเนื้อโปรตีนมีตั้งแต่ กวาง, วัว และ เนื้อแกะเลยค่ะ

12. Biscal

ขนมบิสกิตสุนัขนำเข้าจากญี่ปุ่น ขนมคุกกี้ช่วยลดกลิ่นอุจจาระและปัสสาวะ เริ่มทานเพียงแค่ 3-4 วันจึงจะเริ่มเห็นผล biscal เขามีทั้งสูตรสำหรับลูกสุนัขเริ่มทานได้ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และสุนัขสุงวัยอีกด้วย ตัวคุกกี้ยังช่วยเสริมสร้างแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ และช่วยปรับสมดุลลำไส้ ส่งเสริมให้น้องหมาของเรามีสุขภาพดีค่ะ ตัวบิสกิตไม่มีเนื้อสัตว์และไม่มีสารกันบูด

13.Virbac C.E.T VEGGIEDENT FR3SH

อีกหนึ่งแบรนด์ของขนมขัดฟันที่น่าให้เจ้าสี่ขาได้ลอง ด้วยรูปทรงขนมตัว Z รับกับฟันของน้องหมาได้เป็นอย่างดี กลิ่นปากดีขึ้นและคงอยู่ยาวนานตลอดวัน หลังได้กินแต่ละชิ้น วัตถุดิบจากธรรมชาติ ปราศจากสารสังเคราะห์ หรือสารเคมี ปราศจากข้าวโพดตัดแต่งพันธุกรรม (Non-GMO Corn) ปราศจากเนื้อ และข้าวสาลี (Wheat-Free)

หากเจ้าของยังอยากเลือกขนมให้น้องอยู่ เราก้ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่เรายังไม่ได้พูดถึงกันวันนี้ค่ะ สามารถคลิ๊กด้านล่างเพื่อดูขนมสุนัขทั้งหมดได้เลยค่ะ

Continue Readingเปิดคัมภีร์อาหารสุนัขแพ้ไก่ 13 อันดับ ทั้งแบบเปียกและแห้ง มีสูตรและยี่ห้อไหนบ้าง

ของเล่นใครว่าไม่จำเป็นกับสุนัข? โดยหมอปาล์ม Happy Howl – Dog Behaviour and Boarding Services

เจ้าของคงเคยสังเกตพฤติกรรมของน้องหมา เช่น กัดแทะเฟอร์นิเจอร์ หรือชอบรื้อของใช้ในบ้านใช่ไหมคะ? สาเหตุนั้นอาจมาจากการความเครียดที่พวกเขาไม่ได้แสดงออกพฤติกรรมธรรมชาติอย่างเหมาะสม ดังนั้นไม่แน่การที่เรามีของเล่นหลายๆแบบให้สุนัข อาจช่วยแก้ปัญหาพฤติกรรมเหล่านี้ได้

ทำไมเราต้องเตรียมของเล่นให้น้องหมาด้วย? การออกไปเล่นข้างนอกอาจไม่เพียงพอ เรามาหาคำตอบกันว่าของเล่นสุนัขนั้นสำคัญอย่างไร?

สัญชาตญาณตามธรรมชาติน้องหมา

น้องหมาในธรรมชาติ พบว่ามีสิ่งต่างๆให้เค้าได้เล่นวิ่งเล่น ได้สำรวจเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการได้ไปดมกลิ่นต่างๆ การได้ไปกัดเเทะกิ่งไม้ ไปเล็มใบไม้ใบหญ้า 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่ทำให้น้องหมาได้มีการฝึกร่างกาย สมอง และกระตุ้นจิตใจ(Physical&Mental stimulation)ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการเล่นกันเองในครอกหรือฝูงนั้นๆให้เค้ารู้จักการเข้าสังคม(Social behaviour)อย่างเหมาะสม

ดังนั้นเวลาเราพาเขามาเลี้ยง เรายังคงจำเป็นต้องหากิจกรรมที่สอดคล้องให้พวกเขาได้แสดงออกทางพฤติกรรมธรรมชาติเหล่านั้นอย่างเหมาะสม ดังนั้นเจ้าของอาจเคยเห็นว่าของเล่นสุนัขนั้นมีหลายแบบเหลือเกิน ทั้ง ไม้ ยาง หรือผ้า ซึ่งอุปกรณ์ของเล่นต่างๆ ก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมธรรมชาติของสุนัขนั่นเอ

1.ตอบสนองพฤติกรรม”การกัดแทะ”🦴

เราไม่สามารถห้าม หรือบังคับให้เขาหยุดกัดไม่ได้ เนื่องจากเป็นธรรมชาติของสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องหมาวัยเด็กที่ฟันกำลังขึ้น เขาจะคันฟันเป็นพิเศษ เรายิ่งจำเป็นต้องมีของให้เขากัดเเทะเยอะๆ ยิ่งtexture หลากหลายยิ่งดี เช่นผ้า,ยาง,พลาสติก,ไม้,กระดูกวัวและขนมขัดฟัน เป็นต้น ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเค้าจะไปหาอะไรที่เราไม่อนุญาตให้กัดเอง 

2.ตอบสนอง”การไล่ล่า” ⚾️

สุนัขไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนก็ล้วนแล้วมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขป่า ดังนั้นการชอบไล่ลาก็เป็นพฤติกรรมที่เป็นสัญชาตญาณของพวกเขาอยู่แล้ว เพื่อให้น้องหมาได้ออกกำลังกายทางร่างกายและได้ใช้ทักษะการไล่ลา ของเล่นเช่นลูกบอล, Flirt pole(คล้ายๆไม้ตะปบของแมว), Frisbee(จานร่อน) จึงเป็นของเล่นที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

3.ตอบสนอง”การดมกลิ่น”🧠
ส่วนนี้สำคัญและจำเป็นมากเพราะสมองในส่วนนี้ถือเป็นจุดเด่นของสุนัข และยังมีเซลล์ประสาทรับกลิ่นกว่ามนุษย์เราถึง ~60 เท่า ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมพฤติกรรมเหล่านี้ให้น้องหมาของเรา ของเล่นในกลุ่มนี้อาจมาในรูปแบบที่ใส่ขนมหรืออาหาร เข้าไปข้างในเพื่อให้ได้ใช้ประสาทสัมผัสการดมกลิ่นได้เต็มที่ เช่นพวก Foodtoys รูปแบบต่างๆ

📌Tips เคล็ดไม่ลับที่อยากให้เจ้าของนำไปใช้  
– ของเล่นยิ่งเยอะ ยิ่งดี จะD.I.Y.ก็ได้น้า
– มีของเล่นหลากหลายfunction
– แบ่งเป็นGroup &Rotate จะfixตามวัน หรือทุกๆ3-4 วันเปลี่ยนก็ได้
– หมั่นทำความสะอาดของเล่น

เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถช่วยลดและป้องกันปัญหาพฤติกรรม ที่สาเหตุนั้นอาจมาจากการความเครียดที่เค้าไม่ได้แสดงออกพฤติกรรมธรรมชาติอย่างเหมาะสมนอกจากนี้ของเล่นเหล่านี้ยังสามารถใช้ในฝึก&การทำพฤติกรรมบำบัดได้อีกด้วย

ขอบคุณบทความดีๆจาก 🏡 Happy Howl – Dog Behaviour and Boarding Services ศูนย์พฤติกรรมสัตว์เลี้ยง ให้บริการโดยสัตวแพทย์

Continue Readingของเล่นใครว่าไม่จำเป็นกับสุนัข? โดยหมอปาล์ม Happy Howl – Dog Behaviour and Boarding Services

7 พ่อหมา ทาสแมวต้องรู้ ! (สุนัขแมวตัวแรกโปรดให้พ่อแม่คุณอ่าน)

เลี้ยงสัตว์ครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง? ใครที่อ่านคอนเทนท์นี่อยู่น่าจะเป็นคนที่กำลังจะหาสัตว์เลี้ยงตัวนึงมาเป็นเพื่อนคู่ใจ  หรือพึ่งจะได้น้องหมาน้องแมวตัวใหม่ แน่นอนเรื่องให้รู้และเตรียมตัวเยอะ ใครจะไปจำได้!  วันนี้เรามีวิธีทำความเข้าใจง่ายๆให้พ่อแม่มือใหม่

ทำความรู้จักสัตว์เลี้ยง 

การเลี้ยงสัตว์ที่ดีเจ้าของจะต้องคำนึงถึง 3 ด้านหลักๆ คือ 1.ด้านสุขภาพ     2.ด้านสังคม (น้องหมาน้องแมวก็มีสังคมนะ)      3.ด้านความสุข

คิดภาพเหมือนเลี้ยงโปเกม่อนหรือทามาก็อต ต้องรักษาสมดุล เขาต้องการกินของอร่อย เขาต้องการความสนใจ เขาต้องการให้เราพาไปเดิน แต่ก็ยังต้องรักษาด้านสุขภาพไว้ เจ้าของมือใหม่หลายคนเลี้ยงหมาแมวครั้งแรกก็รักมาก ให้กินขนมทั้งวันหรือเทอาหารทิ้งไว้ในจานเลย ปัญหาที่เกิดก็คือน้องหมากินขนมจนไม่ยอมกินข้าว หรือกินอาหารที่วางไว้เยอะเกินจำนวนโดยไม่รู้ตัว (การกินโดยไม่รู้ตัวสามารถเกิดขึ้นกับสุนัขพันธุ์ไหนก็ได้ แต่จะพบเห็นบ่อยใน Beagle, Labrador, Dachshund)

สิ่งที่พบบ่อยในไทย: อย่าพึ่งบอกว่า “หมาชั้นไม่อ้วนหรอก ให้ขนมแค่วันละชิ้นเอง” การเลี้ยงของคนไทยนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยเจอปัญหาด้านความสุขเลย เพราะเลี้ยงกันเหมือนลูก สปอยกันจนเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งในบ้านที่เลี้ยงกันในครอบครัวใหญ่ทุกคนพร้อมที่รักน้องหมาน้องแมวตัวใหม่ เมื่อเห็นน้องมาอ้อนก็อยากให้ขนมให้อาหาร ทำให้เกิดเหตุ์การณ์ให้กันคนละชิ้น และทุกคนก็จะคิดว่า “ชิ้นเดียวไม่อ้วนหรอก” แต่ทะว่าทุกคนในบ้านที่ให้ขนมนั้นส่วนมากจะลืมเรื่องการดูแลสุขภาพไปแทนเพราะคิดว่าเดี๋ยวลูกก็พาไปหรือเดี๋ยวแม่ก็เป็นคนพาไปหาหมอเอง จนทำให้ลืมดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ 

 

ล่าสุดรพส.ทองหล่อได้ไปเปิดสาขาที่ย่านสาทร ซึ่งย่านนี้ก็มีครัวเรือนที่อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่อยู่ไม่น้อยและพบว่าสุนัขหลายตัวที่มาไม่ได้ทำวัคซีนกันเลย จนบางบ้านต้องเสียน้องหมาแมวสุดที่รักให้กับโรคที่ป้องกันได้ง่ายๆด้วยวัคซีน

7 สิ่งพื้นฐานที่สัตว์เลี้ยงต้องทำให้ครบ 

เป็น 7 สิ่งที่พ่อแม่มือใหม่ต้องทำ เพราะสำคัญต่อทั้งด้านสุขภาพและสังคมเขา โดยเฉพาะ

  • การฉีดวัคซีน: ฉีดเถอะครับ ขนาดนายยกยังบอก….ล้อเล่นนะครับคนละวัคซีน แต่วัคซีนนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าสุนัขเราไปกัดใคร แล้วไม่มีวัคซีนพิษสุนัขบ้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ บวกกับแวคซีนเป็นสิ่งจำเป็นอยู่แล้วเพราะจะป้องกันไวรัสร้ายแรงได้หลายตัว (e.g. parvovirus, distemper, and etc.) เพราะไวรัสเหล่านี้ติดแล้วเสียชีวิตได้ และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพียงแค่รักษาตามอาการ
  • ป้องกันพยาธิ: เป็นเรื่องที่พบบ่อย เพราะเจ้าของมีความเข้าใจผิด “ฉันเลี้ยงหมาแมวในบ้านปิด ไม่ต้องทำหรอก” แต่พยาธิหนอนหัวใจและลำไส้นั้น พาหะเป็นยุงและที่สำคัญคือเจ้าของหลายคนต้องเสียหมาแมวที่เขารักไปด้วย
  • ใส่ใจพฤติกรรม: บางตัวเห่าหรือกัด ทำให้หมาหรือแมวเจ้าของไม่อยากพาออกไปนอกบ้านซึ่งเมื่อทำเช่นนั้นก็จะทำให้เขาถอยห่างออกจากสังคมเรื่อยๆ จนกระทั้งหลายบ้านสุดท้ายต้องล็อคหมาไว้หรือมัดปากเพราะจะกัดคนอื่น        ด้านพฤติกรรมต้องฝึกตั่งแต่เด็กๆ โดยหลักการณ์ง่ายๆคือเมื่อเขาทำในสิ่งไม่ควรเราก็จะไม่สนใจเขา แต่หากเขาทำสิ่งที่ดีก็ชมเชย เพราะสุนัขสัมผัสจากโทนเสียงของเราและเรียนรู้จากประสบการณ์ 

เห็นมั้ยครับ เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีหลายอย่างต้องจำและต้องทำความเข้าใจ เขาก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง ให้ความใส่ใจ พาเขาออกสังคมและสุดท้ายก็คือให้ความรักเขา สปอยบ้างนิดหน่อยนานๆที เอาแต่พอดีรักษาสมดุลไว้ 🙂

ไม่รู้จะจำหมดได้ไหม? ให้เราช่วยดูแลด้วย Welcome Pack - ดูแลครบจบในแพ็คเดียว

สินค้าแนะนำของลูกสุนัข

Continue Reading7 พ่อหมา ทาสแมวต้องรู้ ! (สุนัขแมวตัวแรกโปรดให้พ่อแม่คุณอ่าน)

เตรียมตัวรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉบับมือโปรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

การรับสุนัขมาเลี้ยงโดยเฉพาะลูกสุนัขนั้นเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวงเลยก็ว่าได้นะคะ เพราะช่วงวัยนี้เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ และตัวเราเองที่จะต้องเป็นคนฝึกสอนพวกเขาให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งการเข้าสังคม การฝึกให้มีระเบียบวินัย และอื่นๆ ดังนั้นเราควรเตรียมตัวรับมือเช่นกัน ไปดูกันเลยว่าเราต้องเตรียมตัวการเลี้ยงลูกสุนัขอย่างไรบ้าง 

  1. พาไปพบสัตวแพทย์ 

วิธีเลี้ยงลูกสุนัขก็คล้ายๆกับเลี้ยงเด็กตัวเล็กๆเลยนะคะ เราควรพาเขาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนประจำปี,ปรึกษาเรื่องโภชนาการที่เหมาะสม, การถ่ายพยาธิ หรือบางกรณีถ้าเราพึ่งรับมาเลี้ยงก็ควรจะตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจว่าเขาแข็งแรงดีนั่นเองค่ะ

2. การฝึกเข้าห้องน้ำ (สำคัญมาก เจ้าของต้องอดทนนะคะ) 

เราควรหาพื้นที่บริเวณในบ้านให้ลูกสุนัขเขาได้ทำธุระ โดยใช้ถาดรองฉี่และแผ่นรองซับเป็นตัวช่วยค่ะ หาพื้นที่วางถาดรองฉี่และเริ่มพาสุนัขไปถาดฉี่เมื่อเราเห็นเขาเริ่มดมๆหาที่ฉี่ หากเขาปัสสาวะหรือขับถ่ายนอกบริเวณเราควรดุพวกเขา และพาเขาไปที่ถาดรองเพื่อให้เขาเรียนรู้นะคะ แต่หากว่าเป็นลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่แนะนำให้พาเขาออกไปที่สวนในบ้านเป็นเวลา เพื่อฝึกให้เขารู้ว่าเวลาออกมาข้างนอกคือเวลาทำธุระค่ะ

3.สินค้าจำเป็นสำหรับลูกสุนัข 

แน่นอนการเลี้ยงลูกสุนัขต้องเตรียมของให้พร้อมนะคะ เตรียมเช็คลิสให้พร้อมและไป Shopping กันเลย 

4.ฝึกการเข้าสังคม 

ช่วง 16 สัปดาห์แรกของลูกสุนัขเป็นช่วงที่เรียนรู้ได้ง่ายที่สุดของวัย เราควรพาลูกสุนัขไปเจอกับสมาชิคในบ้านทุกๆคนเพื่อให้สร้างความคุ้นเคย อีกทั้งพาเขาไปออกมาข้างนอกเช่นเจอสัตวแพทย์ ช่างอาบน้ำ หรือคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่สมาชิคในครอบครัวบ้างเป็นครั้งคราว เจ้าสี่ขาจะได้เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับคนทั่วไปและเป็นมิตรกับทุกๆคนได้นั่นเองค่ะ

5.การออกกำลังกายและทำกิจกรรม 

ลูกสุนัขเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตเหมือนเด็กๆเลยค่ะ ช่วงวัยนี้จะชอบเล่นสนุกและมีพลังงานเหลือเฟือ เราควรพาลูกสุนัขออกไปเล่นข้างนอก หรือหาของเล่นเล่นกับเขา เพื่อให้เขาได้ปลดปล่อยพลังงานที่มีอยู่ อีกทั้งการออกไปวิ่งเล่นยังช่วยลดความเครียดในลูกสุนัขได้อีกด้วย ซึ่งถ้าในแต่ละวันพวกเขาได้เล่นอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยลดปัญหาพฤติกรรมการกัดของในบ้านที่พบเจอได้บ่อยในลูกสุนัขอีกเช่นกันค่ะ

6.การฝึกให้อยู่บริเวณพื้นที่ ที่กำหนดไว้ ในคอกหรือกรง 

คอกของสุนัขควรเป็นที่ที่สงบและสบายสำหรับพวกเขา เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน เราไม่ควรใช้คอกหรือกรงเป็นที่ทำโทษสุนัขนะคะ เพราะในเวลาต่อๆไป จะทำให้พวกเขาไม่ชอบอยู่ในคอกขึ้นมาทันที  สำหรับลูกสุนัขอายุไม่เกิน 6 เดือน ไม่ควรอยู่ในคอกหรือกรงเกิน 2 ถึง 3 ชั่วโมง ไม่รวมตอนกลางคืนที่เป็นเวลานอน 

สินค้าแนะนำของลูกสุนัข

อ้างอิง

  • https://www.cesarsway.com/puppy-101-the-ultimate-guide-to-raising-a-puppy/
  • https://www.care.com/c/stories/6549/8-tips-for-raising-the-perfect-puppy/
  • https://www.hillspet.com/dog-care/new-pet-parent/guide-to-raising-your-puppy
Continue Readingเตรียมตัวรับลูกสุนัขมาเลี้ยง ฉบับมือโปรของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

รีวิวทรายแมว แบบฉบับปี 2021 ยี่ห้อไหนน่าโดน

การเลือกทรายแมวนั้นอาจเป็นเรื่องที่น่าสับสนสำหรับทาสแมวหลายๆคนใช่มั้ยคะ ไม่ว่าจะเป็นจะเลือกทรายแมวยี่ห้อไหนดี หรือจะเลือกประเภทไหน ซึ่งตอนนี้ในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายประเภททั้ง ทรายแมวเต้าหู้, ทรายแมวไม้สน หรืออื่นๆ วันนี้ Thonglor pet shop คัดมาให้แล้วยี่ห้อไหนน่าโดน บอกเลยว่าไม่ว่าจะประเภทไหนก็มีข้อดีของตัวเองทั้งนั้นเลยค่ะ 

1. ทรายแมวมันสำปะหลัง Dr.Choice

  • รีวิวทรายแมวมันสำปะหลัง Dr.Choice Bionature ย่อยสลายง่าย พร้อมมีนวัตกรรมการจับตัวเป็นก้อนได้เร็ว และสามารถตักออกได้ง่าย อีกทั้งยังควบคุมกลิ่นได้ดีเยี่ยม เป็นทรายแมวไม่กี่เจ้าที่ใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลัง หากแมวเผลอทานเข้าไปก็ไม่เป็นอันตรายและยังใช้กับห้องน้ำแมวอัตโนมัติได้อีกด้วย
  • ข้อสำคัญคือพัฒนาโดยสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และเป็นทรายแมวที่ใช้จริงในโรงพยาบาลแผนกวอร์ดแมวค่ะ 

👉🏻ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Dr.Choice BioNature Tropiosand

  • ปราศจากฝุ่น 99.99% ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100%
  • ไม่ใส่สารเคมีหรือน้ำหอม
  • ปลอดภัยต่อลูกแมว
  • ใช้กับห้องน้ำแมวอัตโนมัติได้

ราคา 295 บาท ขนาด 2.72 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

2. ทรายแมวซังข้าวโพด Kurin Kat

  • รีวิวทรายแมวซังข้าวโพด ย่อยสลายได้ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100 % ตัวทรายเกิดจากความคิดที่ว่าทรายแมวชนิดเบนโทไนท์แม้ว่าจะใช้งานได้ดี แต่ทางธรรมชาติเมื่อเราทิ้งไปแล้วไม่สามารถย่อยสลายได้นั่นเองค่ะ Kurin Kat เป็นทรายแมวที่ทำจากข้าวโพดที่สายรักษ์โลกไม่ควรพลาดเลย
  • ตัวทรายสามารถดูดซับกลิ่นได้ดีเยี่ยม ทิ้งลงชักโครกได้ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและฝุ่นน้อย อีกทั้งยังผ่านการวิจัยและทดสอบคุณภาพร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย 

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Kurin Kat

  • ดูดกลิ่นแอมโมเนียได้ 84%
  • ดูดซับปัสสาวะได้มากกว่า 600%
  • ปราศจากกลิ่นรบกวน มั่นใจได้แม้ใช้ในห้องนอน
  • แนะนำให้ใช้กับกะบะทรายหรือห้องน้ำแมวปกติมากกว่า ห้องน้ำอัตดนมัติ

ราคา 150 บาท ขนาด 5 ลิตร หรือ ประมาณ 2 kg

ราคา 350 บาท ขนาด 10 ลิตร หรือ ประมาณ 5 kg 

>>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

3. ทรายแมวหินภูเขาไฟ Odurlock 

  • ทรายแมวภูเขาไฟเกรดซุปเปอร์พรีเมียมจากประเทศแคนาดา เรียกได้ว่าเป็นทรายที่คนเลี้ยงแมวต้องเคยลองใช้สักครั้งเลยค่ะ เนื่องจากเป็นทรายที่ได้รับผลการโหวตทรายแมวยอดเยี่ยมแห่งปี 2014 จากการโหวดของผู้เลี้ยงแมว
  • เป็นทรายปราศจากฝุ่น 99.9% และปลอดภัยต่อสุขภาพของแมวและผู้เลี้ยง สามารถควมคุมกลิ่นได้มากถึง 40 วัน หากเจ้าเหมียวเข้ามาฉี่แล้วเรายังไม่ได้ตักออกทันที ตัวก้อนจะไม่แตกตัว ทำให้เราตักออกได้ง่ายค่ะ อีกทั้งยังทำให้เราประหยัดตัวทรายที่ใช้อีกด้วย 

 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Odour Lock

  • มีนวัตกรรมดูดซับน้ำได้ถึง 500% มากกว่าทรายปกติถึง 3 เท่า
  • ใช้กับห้องน้ำอัตโนมัติได้
  • ปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจทั้งกับผู้ใช้และแมว

ราคา 325 บาท ขนาด 6 kg  >>สั่งซื้อคลิ๊ก <<

4. ทรายแมวเต้าหู้ Soya clump 

  • ทรายแมวที่ทำจากกากถั่วเหลืองธรรมชาติที่เหลือจากการผลิตนมถั่วเหลือง ซึ่งสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ 100% มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆมากถึง 7 กลิ่นให้เลือกด้วยกัน ตัวทรายสามารถทิ้งลงชักโครกได้เลย เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ราคาย่อมเยาว์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะ 
  • ตัวทรายมีน้ำเบาพิเศษเมื่อเทียบทรายแมวประอื่น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ 99.9%ไร้ฝุ่น เนื้อทรายมีสัมผัสอ่อนโยนทำให้ไม่ระคายเคืองเท้าน้องเหมียวค่ะ

ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Kit Cat SoyaClump

  • ปราศจากฝุ่น 99%
  • เหมาะสำหรับแมวแพ้ง่าย หรือเจ้าของแมวที่แพ้ง่าย
  • ปลอดภัยสำหรับแมวที่ชอบกินทราย

ราคา 220 บาท ขนาด 7 ลิตร หรือ ประมาน 2.5 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

5.ทรายแมวไม้สน Cat’s Best Sensitive

  • อีกหนึ่งยี่ห้อทรายแมวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นทรายแมวไม้สนที่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน ตัวทรายสามารถย่อยสลายได้ 100% และสามารถาซับของเหลวได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 7 เท่า
  • ตัวสินค้าจะมีอยู่ 3 สูตรหลัก คือ Original, Smart pallet และ Sensitive ซึ่งจะต่างกันที่เนื้อสัมผัสของทรายค่ะ โดยสูตร Sensitive นี้ จะเหมาะสำหรับแมวทุกสายพันธุ์ (โดยเฉพาะแมวป่วย/หลังผ่าตัด/แมวที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ)
  • เห็นทำจากไม้สนแบบนี้แต่เขาไม่ได้โค่นต้นไม้เพื่อมาทำทรายแมวนะคะ แต่เขาใช้ เศษไม้ที่เหลือจากอุตสหกรรม ซึ่งเขาได้ PEFC certificate ที่รับรองว่าการใช้ไม้สนครั้งนี้ ถูกใช้อย่างยั่งยืนและไม่ส่งผลกระทบกับธรรมชาติของผืนป่าไม้นั่นเอง  

ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cat’s Best

  • เม็ดละเอียด นุ่มเท้า จับตัวเป็นก้อนไร้เชื้อรา
  • เก็บกลิ่นได้ดี สามารถทิ้งลงสุขภัณฑ์ภายในบ้าน
  • สามารถใช้กับห้องน้ำอัตโนมัติได้

สูตร Sensitive ราคา 450 บาท ขนาด 2.9 kg หรือ 8L >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

6. ทรายแมวเต้าหู้ Cature 

  • รีวิวทรายแมวเต้าหู้ Cature เป้นทรายแมวระดับ Food grade ที่ปลอดภัยกับแมวทุกช่วงวัย โดยทางแบรนด์ใส่ใจในขั้นตอนผลิตแบบเม็ดต่อเม็ด เพื่อให้มั่นใจว่าเม็ดทรายจะมีขนาดโดยประมาน 2มิลลิเมตร ตัวเนื้อทรายสามารถจับตัวเป็นก่อนได้ดี สามารถทิ้งลงชักโครกได้ และเป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่ย่อยสลายได้ 100% ตามธรรมชาติ
  • โดยเนื้อทรายสามารถซับของเหลวได้มากกว่าน้ำหนักของตัวเองถึง 400% และยังมีคุณสมบัติไร้ฝุ่นถึง 99.5% อีกทั้งเนื้อทรายยังมีสัมผัสนุ่ม ไม่ติดอุ้งเท่าเจ้าเหมียว และยังไม่ระคายเคืองอีกด้วย โดยทรายเต้าหู้นี้มี 2 กลิ่นด้วยกันคือกลิ่นชาเขียวและกลิ่นข้าวโพด 

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cature tofu cat Litter

  • ทรายแมวระดับ Food grade หากเผลอทานเข้าไปก็ไม่เป็นอันตราย
  • เนื้อทรายไม่ติดอุ้งเท่า
  • ทิ้งลงชัดโครกได้ และ แนะนำให้ใช้กับกะบะหรือห้องน้ำแมวปกติ

ราคา 269 บาท ขนาด 6 ลิตร หรือ ประมาน 2.5 kg >>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

7. ทรายแมวผลิตจากดินธรรมชาติ Biokat 

  • ทรายแมวไม่กี่ยี่ห้อในประเทศไทยที่ผลิตจากดินธรรมชาติ รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่ผสมผงคาร์บอนลงไปด้วย ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บกลิ่น โดยผงคาร์บอนนี้ทำมาจากเปลือกของมะพร้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ทำจากธรรมชาติและนำกลับไปใช้ใหม่ได้ และหากพูดถึงเรื่องการจับตัวเป็นก้อนต้องยกให้ยี่ห้อ Biokat เลยค่ะ เราสามารถตักทรายออกได้ง่ายๆเลย 
  • ตัวเม็ดทรายจะเป็นสีขาว ซึ่งจะทำให้เจ้าของสังเกตเห็นสุขภาพเบื้องต้นของน้องเหมียวได้ หาเพราะทรายสีขาวอ่อนจะทำให้เราสังเกตเห็นสีของปัสสาวะของน้องได้นั่นเองค่ะ  

👉🏻 ข้อดีทรายแมวยี่ห้อ Cature tofu cat Litter

  • ผสมผงคาร์บอนช่วยเรื่องกลิ่นเป็นพิเศ
  • ผลิตจากดินธรรมชาติเนื้อสีขาวอ่อน
  • ทิ้งลงชัดโครกไม่ได้ และ แนะนำให้ใช้กับกะบะหรือห้องน้ำแมวปกติ

ราคา 290 บาท ขนาด 5 กิโลกรัม

ราคา 490 บาท 10 กิโลกรัม

>>สั่งซื้อคลิ๊ก<<

สินค้าห้องน้ำและทรายแมว

Continue Readingรีวิวทรายแมว แบบฉบับปี 2021 ยี่ห้อไหนน่าโดน

Covid-19 และสัตว์เลี้ยงของเรา

เรื่องของ Covid-19 และสัตว์เลี้ยงของเรา 

เป็นที่น่ากังวลกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายๆบ้านว่าเชื้อ Covid-19 จะส่งผลกระทบเรากับสัตว์เลี้ยงอย่างไรบ้าง อีกทั้งถ้าเราป่วยเป็น Covid-19 เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับสัตว์เลี้ยง และใครจะดูแลพวกเขาเมื่อเราต้องกักตัวในสถานการ์ณการระบาดนี้ ไปหาคำตอบในบทความนี้กันค่ะ

  1. สัตว์เลี้ยงของเราสามารถเป็น Covid-19 หรือไม่?

ตอนนี้ข่าวดีคือ Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC จากสหรัฐอเมริกายังไม่พบการรายงานว่ามีสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ประเภทอื่นสามารถได้รับเชื้อ Covid-19 อีกทั้ง CDC และ WHO (World Health Organization) ยังมีความเห็นร่วมกันว่า ยังไม่มีปัจจัยหรือหลักฐานอะไรที่บ่งบอกได้ว่าสัตว์เลี้ยงของเราสามารถรับเชื้อและแพร่กระจายเชื้อได้ เรายังต้องศึกษาอีกมากเพื่อทำความเข้าใจว่าเชื้อ Covid-19 จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อสัตว์เลี้ยงของเราได้บ้าง

การแพร่กระจายของเชื้อ Covid-19 จากสัตว์เลี้ยงสู่คนนั้น มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ อีกทั้งสัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญใดๆในการแพร่เชื้อ Covid-19 ซึ่งเรายังไม่พบเคสหรือหลักฐานใดๆว่าไวรัสสามารถแพร่จากคนสู่สัตว์เลี้ยง หรือแพร่จากผิวหนังหรือขนของสัตว์เลี้ยงด้วยกันเองได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสัตว์เลี้ยงก็มีเชื้อโรคอื่นๆที่สามารถทำให้เราไม่สบายได้ โดยเฉพาะสมาชิกในบ้านที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเป็นเด็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากบุคคลกลุ่มนี้มีโอกาสไม่สบายได้ง่าย ดังนั้นการรักษาความสะอาดอย่างเป็นประจำจึงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง

2. ระวังไว้ก่อนดีที่สุด

เนื่องจากเรายังมีข้อมูลเกี่ยวกับ Covid-19 ที่ค่อนข้างจำกัด การป้องกันสัตว์เลี้ยงจาก Covid-19 จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้โดย

  1. หลีกเลี่ยงพื้นที่สาธารณะที่คนหรือสัตว์เลี้ยงรวมตัวกัน
  2. เมื่อพาสุนัขออกไปเดินเล่นควรรักษาระยะห่างจากสุนัขตัวอื่นและเจ้าของท่านอื่นๆ
  3. หากเป็นน้องเหมียว ให้อยู่ในบ้านจะปลอดภัยที่สุด เนื่องจากน้องเหมียวบางบ้านอาจมีพฤติกรรมที่ไม่ชอบออกนอกบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นการอยู่บ้านก็เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ดีค่ะ

 ในขณะที่เราอยู่บ้านมากขึ้นอาจเป็นเรื่องชอบใจของเจ้าสัตว์เลี้ยงเพราะเราจะมีเวลาให้พวกเขามากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันกิจวัตรประจำวันของสัตว์เลี้ยงอาจลดลง  เจ้าของสามารถหาของเล่นใหม่ๆเพื่อกระชับความสัมพันธ์ อีกทั้งยังเป็นการฝึกพัฒนาการสมองของสัตว์เลี้ยง หรืออาจลองฝึก trick ใหม่ๆให้พวกเขา ก็เป็นการ upskill สัตว์เลี้ยงของเราเช่นกันค่ะ

 3. ข้อควรปฎิบัติเมื่อเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงการสัมผัสเชื้อ Covid-19

  • คุณสามารถดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณได้ปกติ แต่ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสแบบใกล้ชิดเช่น การจูบ หรือการเลียมือ และไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงนอนในห้องหรือเตียงเดียวกัน อีกทั้งควรสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือตลอดเมื่อคุณมีความจำเป็นต้องสัมผัสตัวสัตว์เลี้ยง คุณควรทำการล้างมือทุกครั้ง ก่อนและหลังที่จับตัวสัตว์เลี้ยง
  • หากเป็นไปได้ ให้สมาชิกในบ้านดูแลสัตว์เลี้ยงไปก่อน แต่ยังคงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแบบใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง ผู้ดูแลควรทำการล้างมือทุกครั้ง ก่อนและหลังที่จับตัวสัตว์เลี้ยง อีกทั้งรักษาระยะห่างจากผู้มีความเสี่ยงสูงอย่างเคร่งครัด หรือ เรายังสามารถจัดสรรบริเวณให้สัตว์เลี้ยงอยู่โดยการใช้คอกกั้นพื้นที่ เพื่อรักษาระยะห่าง
  • หากสัตว์เลี้ยงป่วยรุนแรงให้โทรติดต่อโรงพยาบาลสัตว์ทันที โดยเจ้าของแจ้งให้ทางโรงพยาบาลทราบล่วงหน้า ว่าเจ้าของเป็นกลุ่มเสี่ยงติด Covid-19 ทางโรงพยาบาลอาจให้คำแนะทางโทรศัพท์หากพิจรณาแล้วว่าไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาล แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงมีอาการป่วยอย่างรุนแรงทางโรงพยาบาลอาจส่งบุคคลากรที่มีความพร้อมไปนำสัตว์เลี้ยงมาเข้ารับการรักษา โดยแต่ละโรงพยาบาลจะมีมาตราการความปลอดภัยการนำส่งสัตว์เลี้ยง
  • เจ้าของสามารถให้ญาติหรือเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงพาสัตว์เลี้ยงไปโรงพยาบาลแทนได้ โดยผู้นำมาต้องสวมใส่ชุดป้องกันอย่างเคร่งครัดทั้งถุงมือและหน้ากากอนามัย
  • ห้ามทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์” หากอยากทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงให้ใช้วิธีการอาบน้ำด้วยแชมพูตามปกติ

4. ทำอย่างไรเมื่อเราป่วยเป็น Covid-19?

  • ในกรณีที่คุณเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงคนเดียว ให้โทรติดต่อโรงพยาบาลสัตว์ที่สามารถรับฝากดูแลสัตว์เลี้ยงได้ในกรณีที่ท่านต้องเข้าพักษาตัวที่โรงพยาบาล อย่าเพิ่งพาพวกเขาไปด้วยตัวเอง โทรติดต่อโรงพยาบาลสัตว์ที่สามารถรับฝากดูแลสัตว์เลี้ยงได้ในกรณีที่ท่านต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลสัตว์จะมีมาตราการเคร่งครัดสำหรับการดูแลสัตว์เลี้ยงในกรณีนี้ให้มีความปลอดภัยที่สุด โดยเจ้าของต้องแจ้งทางโรงพยาบาลว่าตัวเองป่วยเป็น Covid-19
  • หากเป็นไปได้ ให้สมาชิกในบ้านดูแลสัตว์เลี้ยงไปก่อนตอนที่คุณไม่สบาย แต่ยังคงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแบบใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง เช่นการจูบ หรือการเลียมือ และไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงนอนในห้องหรือเตียงเดียวกันกับผู้ดูแลเป็นระยะเวลา 14 วัน
  • หากสัตว์เลี้ยงมีความจำเป็นที่ต้องพบสัตวแพทย์ สามารถให้เพื่อนหรือญาติที่ไม่ได้ป่วยด้วยโรค Covid-19 นำสัตว์เลี้ยงไปโรงพยาบาลสัตว์ได้โดยจำเป็นต้องแจ้งทางโรงพยาบาลให้รับทราบก่อนล่วงหน้า และผู้ที่นำสัตว์เลี้ยงมาต้องสวมเครื่องป้องกันที่หมาะสม ได้แก่ ถุงมือและหน้ากากอนามัย

*ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าสัตว์เลี้ยงสามารถแพร่โรค Covid-19 สู่คนได้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงควรทำตามคำแนะนำ และไม่ควรทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ที่บ้านคนเดียวนะคะ**

ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ “ไม่มีค่าใช้จ่าย”

  1. กดแอดไลน์เจ้าทองหล่อ >  bit.ly/30nmDmT 
  2. แจ้งความประสงค์ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์ 
  3. เจ้าหน้าที่ Admin คอนเฟิมเวลานัดกับสัตวแพทย์ผ่านระบบ Zoom ไม่มีค่าใช้จ่าย

อ้างอิง:

  • https://www.freeportvet.com/services/other/blog/how-survive-covid-19-quarantine-your-pet
  • https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/daily-life-coping/pets.html
  • https://www.rivm.nl/en/novel-coronavirus-covid-19/pets
  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/coronavirus/expert-answers/can-pets-get-coronavirus/faq-20486391
  • สมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย (VPAT)
Continue ReadingCovid-19 และสัตว์เลี้ยงของเรา

สุนัขจำเป็นต้องแปรงฟันนะรู้ยัง? วิธีแปรงฟันหมา

ใครจะไปคิดว่าน้องหมานั้นก็ต้องแปรงฟันและดูแลช่องปากเหมือนคนเรานี่แหละค่ะ รู้หรือไม่ว่า 2 ใน 3 ของสุนัขที่มีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไปมีโรคเยื่อปริทันต์ หรือ โรคเหงือกอักเสบนั่นเองค่ะ ซึ่งถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานานก็จะทำให้สุนัขของเราสูญเสีญฟันของเขา อีกทั้งยังส่งผลถึงเรื่องกลิ่นปากอีกด้วย ซึ่งโรคนี้สามารถป้องกันได้ง่ายๆด้วยการแปรงฟันสุนัขอย่างเป็นประจำค่ะ

  1. เราควรเริ่มแปรงฟันหมาตอนอายุเท่าไหร่

สามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมเริ่มงอกหรือ 2 เดือนขึ้นไป หากเริ่มตั้งแต่เด็กก็จะเป็นการฝึกให้สุนัขคุ้นชินกับการแปรงฟันและทำให้เราทำความสะอาดฟันของเขาได้ง่ายขึ้นในอนาคตค่ะ

  1. ยาสีฟันและแปรงสีฟันสุนัขที่ควรใช้

  • ยาสีฟัน – ห้ามใช้ยาสีฟันคนกับสุนัขเด็ดขาด เพราะยาสีฟันคนมีส่วนผสมบางอย่างที่สุนัขไม่ควรกลืนเข้าไป อีกทั้งอาจมีปริมาณโซเดียมที่สูงเกินไปสำหรับสุนัข เราควรใช้ยาสีฟันของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ซึ่งยาสีฟันจะมีมีการเพิ่มกลิ่นที่น้องหมาเราชื่นชอบ เช่นกลิ่นเนื้อ โดยน้องหมาสามารถกลืนเข้าไปได้ โดยไม่เป็นอันตรายใดๆค่ะ
  • แปรงสีฟัน – แปรงสีฟันที่ออกแบบมาเพื่อสัตว์เลี้ยงมีหลายแบบ ทั้งที่เป็นปลอกสวมนิ้วและเป็นแปรงหัวตัดทรงต่างๆ โดยส่วนใหญ่แล้วออกแบบมาเพื่อให้ทรงเข้าพอดีกับช่องปากของสุนัข ทั้งสุนัขพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่ เจ้าของสามารถเลือกแปรงที่ตัวเองสามารถจับได้ถนัดมือได้เลยค่ะ
  1. เป็นเจ้าของต้องอดทน เราจะเริ่มอย่างไร

  • เริ่มแปรงฟันสุนัขโดยเริ่มใช้นิ้วถูที่ฟันซึ่งเป็นการฝึกให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกตอนแปรง แล้วจึงเริ่มขยับมาใช้ผ้าก็อซถูฟัน ในขั้นตอนนี้เราสามารถใช้ยาสีฟันป้ายไปที่ผ้าเล็กน้อยเพื่อให้น้องหมาเริ่มชิมยาสีฟัน
  • เมื่อสุนัขเริ่มชินก็ให้ใช้แปรงสีฟันเริ่มแปรงฟันสุนัขได้เลย โดยเราควรแปรงฟันข้างละประมาณ 30 วินาที และแน่นอนว่าน้องหมาจะต่อต้านการแปรงฟัน แต่เราต้องอดทนและฝึกให้เขาทำเป็นกิจวัตรนะคะ เมื่อเวลาผ่านไปเขาจะค่อยๆเริ่มชินไปเองค่ะ
  1. ให้รางวัล

ทุกครั้งที่แปรงฟันสำเร็จให้รางวัลด้วยการลูบหัว ชม หรือให้ขนมด้วยก็ได้ เพื่อให้น้องหมารู้สึกว่าการยอมแปรงฟันน่ะเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ทั้งนี้ขนมขัดฟันที่ออกแบบมาลดคราบหินปูนและกลิ่นปากก็มีเช่นกัน เจ้าของสามารถให้น้องทานควบคู่ไปกับการแปรงฟัน ก็จะช่วยให้เรารักษาสุขภาพฟันที่ดีให้กับสุนัขได้ค่ะ

หากใครยังมีข้อสงสัยเรื่องสุขภาพปากและช่องฟันของสุนัขก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะคะ บ้านไหนน้องหมามีอายุมากแล้วและมีคราบหินปูนสะสมที่ฟันเป็นจำนวนมาก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อของเราก็มีบริการขูดหินปูนให้ด้วยนะคะ โดยเรามีบริการปรึกษากับสัตว์แพทย์ออนไลน์ได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย

สินค้าดูแลช่องปากและฟัน

ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ “ไม่มีค่าใช้จ่าย”

  1. กดแอดไลน์เจ้าทองหล่อ >> @jaothonglor
  2. แจ้งความประสงค์ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์ 
  3. เจ้าหน้าที่ Admin คอนเฟิมเวลานัดกับสัตวแพทย์ผ่านระบบ Zoom ไม่มีค่าใช้จ่าย

อ้างอิง: https://vcahospitals.com/know-your-pet/brushing-teeth-in-dogs

Continue Readingสุนัขจำเป็นต้องแปรงฟันนะรู้ยัง? วิธีแปรงฟันหมา

วิธีให้อาหารลูกแมว เลี้ยงแมวแบบฉบับของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

บ้านไหนพึ่งรับลูกแมวใหม่มาบ้างคะ? ต้องขอบอกเลยว่าการเลี้ยงลูกแมวนั้นอาจมีความยากอยู่เล็กน้อย เนื่องจากลูกแมวต้องการความดูแลเป็นพิเศษนั่นเองค่ะ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีเลี้ยงลูกแมว ตั้งแต่แรกเกิด จนไปถึง 10 เดือน ฉบับย่อกันค่ะ 

  1. การให้อาหารลูกแมว 

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าหนี่งในวิธีเลี้ยงลูกแมวที่สำคัญที่สุดคือการป้อนนมหรืออาหารลูกแมวค่ะ การเลือกอาหารที่เป็นสูตรลูกแมวโดยเฉพาะจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะลูกแมวต่างจากแมวโตตรงที่ ลูกแมวมีความต้องการโปรตีนและกรดอมิโนมากกว่าแมวโตหลายเท่า เพราะวัยลูกแมวเป็นช่วงเวลาที่แมวเติบโตเร็วที่สุดและเป็นวัยที่ต้องการพลังงานมากเป็นพิเศษ โดยในแต่ละช่วงวัย อาหารที่ควรทานจะต่างกันออกไปดังนี้ 

  • อาหารลูกแมวพึ่งเกิด – 4 อาทิตย์  ลูกแมวควรได้รับการป้อนนมทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หากนมแม่แมวไม่พอเราสามารถให้นมทดแทนได้เช่น PetAg KMR โดยปริมาณที่ควรให้สามารถดูได้ตามลิงค์นี้  หลังป้อนนมลูกแมว เราควรสังเกตว่าลูกแมวหลับสบายไหม หากหลังดื่มนมลูกแมวมีอาการดิ้นไปมา หรือคลานตลอดเวลา ให้สงสัยว่าลูกแมวมีอาการท้องอืด และจุดนี้เจ้าของควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์ เพราะอาการท้องอืดในลูกแมวอาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ หรือบางครั้งหากลูกแมวดูดนมจากแม่ เราควรเช็คว่ามีน้ำนมออกมาจากเต้าแม่แมวจริงๆ เพราะบางครั้งเต้านมไม่มีนมมากพอ เวลาลูกแมวดูดนมจะมีลมซึ่งส่งผลให้มีอาการท้องอืดได้เช่นกันค่ะ  

  • อาหารลูกแมว 4 สัปดาห์ – 6 สัปดาห์  ช่วงนี้เป็นวัยที่ลูกแมวกำลังจะหย่านม เราสามารถเริ่มให้อาหารแบบเปียกสูตรลูกแมวได้ ซึงเนื้ออาหารแบบเปียกก็จะช่วยให้ลูกแมวเริ่มฝึกเคี้ยวด้วยค่ะ หรือหากแม่แมวยังมีน้ำนมอยู่ เราก็ยังสามารถให้ลูกแมวดูดน้ำนมแม่ สลับกับอาหารเปียกได้เช่นกัน โดยการให้อาหารลูกแมวควรแบ่งเป็นมื้อเล็กๆเนื่องจากลูกแมวมีกระเพาะที่เล็ก แต่มีความต้องการพลังงานสูงนั่นเอง  

  • อาหารลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์  – 8 สัปดาห์ ฟันของลูกแมวจะเริ่มขึ้นในช่วงวัยนี้ เราควรเริ่มให้อาหารสูตรลูกแมวแบบเม็ด โดยแช่อาหารเม็ดในน้ำอุ่นสะอาด เพื่อให้อาหารมีเนิ้อนิ่มเล็กน้อย ง่ายแก่การเคี้ยวของลูกแมวและควรแบ่งทานมื้อเล็กๆ ประมานวันละ 6 มื้อ โดยปริมาณที่ควรทานต่อมื้อควรปรึกษาสัตวแพทย์ แต่โดยปกติแล้ว มื้อละประมาน 10 เม็ดก็เพียงพอค่ะ

  • อาหารลูกแมวอายุ 8 สัปดาห์  – 10 เดือน ช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกจะเป็นช่วงที่ลูกแมวเติบโตเร็วที่สุดในช่วงชีวิตของเขา เราสามารถเริ่มปรับลดมื้ออาหารลง โดยเหลือประมาน 3 มื้อต่อวัน และอาหารยังคงต้องเป็นสูตรลูกแมวอยู่ โดยสามารถกินแบบเม็ดไม่ต้องผสมน้ำได้แล้วค่ะ เมื่อน้องแมวอายุเกิน 10 เดือนแล้วจะถือว่าเป็นแมวโต ไม่ใช่ลูกแมวแล้วนั่นเอง

2. การฝึกลูกแมวให้ขับถ่าย 

  • ในช่วงวัยแรกเกิดถึง 6 สัปดาห์ ถ้าแม่แมวมีพฤติกรรมที่ไม่ยอมเลี้ยงลูกแมว เราควรกระตุ้นการขับถ่ายของลูกแมวโดย ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นและสัมผัสบริเวณก้นและอวัยวะเพศของลูกแมว อย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกแมวขับถ่ายได้

  • เมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ ก็สามารถเริ่มฝึกใช้ทรายแมวได้แล้ว เจ้าของสามารถวางกระบะทรายตรงบริเวณที่อยากให้เขาขับถ่าย แต่ข้อควรระวังในระยะแรกคือ ลูกแมวอาจกินทรายแมวเข้าไปได้ เจ้าของควรเฝ้าดูพฤติกรรมในระยะแรกๆที่เริ่มใช้ทรายแมวนะคะ หรือเลือกใช้ทรายแมวที่ทำจากพืชธรรมชาติเช่น ทรายแมวมันสำปะลัง ก็จะไม่เป็นอันตรายกับลูกแมวค่ะ

Tips: ควรทำให้ทรายแมวมีกลิ่นฉี่ของเขาก่อน โดยสามารถบิดสำลีที่มีปัสสาวะของเจ้าเหมียวลงบนทราย เพื่อให้เขาคุ้นชินกับกลิ่นมากขึ้น

3. สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและสิ่งที่ควรทำ

  • การเข้าสังคม-ควรฝึกให้แมวเข้าสังคมทั้งกับแมวตัวอื่นและบุคคลในบ้าน โดยควรเริ่มตอนอายุ 3 สัปดาห์ – 9 สัปดาห์ เจ้าของอาจพาไปเจอสัตวแพทย์ หรือช่างอาบน้ำใกล้บ้าน เพื่อสร้างประสบการ์ณใหม่ๆให้ลูกแมว คุ้นชินกับการเจอสิ่งใหม่ๆค่ะ 

  • การเล่นกับลูกแมว – ให้ใช้ของเล่นเล่นกับแมว โดยห้ามใช้มือของเราเล่นกับลูกแมวนะคะ เราไม่ควรยอมให้เขากัดมือเราจนเป็นนิสัย เพราะจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมรุนแรงกับสมาชิคในครอบครัวค่ะ ซึ่งพฤติกรรมรุนแรงนี้จะทำให้การพบแพทย์, ช่างอาบน้ำ หรือบุคคลอื่นๆ เป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าเหมียวนั่นเองค่ะ 

  • การฝนเล็บ- เมื่อน้องแมวโตขึ้น อาจมีพฤติกรรมฝนเล็บ โดยพฤติกรรมนี้เป็นธรรมชาติของแมวอยู่แล้ว ซึ่งบริเวณอุ้งเท้าของแมวจะมีต่อมกลิ่นซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแมวแต่ละตัว การที่น้องแมวได้ฝนเล็บลงไปบนสิ่งของก็เสมือนได้ปล่อยกลิ่นของตัวเองไว้ตรงตำแหน่งนั้นด้วย เจ้าของควรเตรียมที่ฝนเล็บเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาไปฝนเล็บบนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านของเราค่ะ

สินค้าแนะนำของลูกแมว

ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ “ไม่มีค่าใช้จ่าย”

  1. กดแอดไลน์เจ้าทองหล่อ >  bit.ly/30nmDmT 
  2. แจ้งความประสงค์ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์ 
  3. เจ้าหน้าที่ Admin คอนเฟิมเวลานัดกับสัตวแพทย์ผ่านระบบ Zoom ไม่มีค่าใช้จ่าย

อ้างอิง:

  • https://be.chewy.com/7-things-to-do-when-raising-a-kitten/
  • https://be.chewy.com/how-much-to-feed-your-kitten/
  • https://pets.webmd.com/cats/guide/feeding-your-kitten-food-and-treats#2
  • https://vcahospitals.com/know-your-pet/kitten-raising-kittens
Continue Readingวิธีให้อาหารลูกแมว เลี้ยงแมวแบบฉบับของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

ว่าด้วยเรื่องหมาอ้วน กับการลดน้ำหนักในสุนัข

สุนัขมากกว่า 50% ในอเมริกาได้รับผลกระทบจากการเป็นโรคอ้วน ซึ่งไม่ต่างจากมนุษนย์เรานะคะ โรคอ้วนในน้องหมาสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในหลายๆด้าน เช่น โรคหัวใจ หรือ ปัญหาทางข้อกระดูก หรือบางรายอาจมีอาการหายใจลำบากร่วมด้วย

 

การเลือกทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมและการทำกิจกรรมออกกำลังกายต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญในการให้น้องหมาอ้วนกลับมามีหุ่นดีและร่าเริงเหมือนเดิมค่ะ

 

1.สุนัขของเรามีน้ำหนักเกินมาตราฐานหรือไม่ ? 

  • เบื้องต้นเราสามารถสังเกตสุนัขของเราโดยการดูจากรูปร่างของน้องค่ะ เจ้าของสามารถวางมือลงตรงบริเวญซี่โครงของน้องและคลำตรงบริเวณนั้น ถ้าเราคลำแล้วไม่เจอกระดูกซี่โครงของน้องเลย ก็เป็นสัญญาณนึงที่บอกเราแล้วว่าน้องเริ่มอ้วนแล้วนั่นเอง 

หรือเจ้าของสามารถเช็ครูปร่างของสุนัขได้ง่ายๆจากตารางด้านล่าง ลักษณะรูปร่างจะสามารถบอก Body fat Index และ ไขมันในร่างกายได้คร่าวๆ ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าน้องหมาของเรานั้นอ้วนอยู่ในระดับไหนค่ะ

คลิ๊กดูรูปเต็ม>> http://bit.ly/2Opiayb

Source :  Hill’s Pet Nutrition (Thailand) Co.,Ltd.

  1. ความอ้วนเกิดจากอะไรได้บ้าง? 
  • การทำหมัน: สุนัขที่ทำหมันแล้วจะต้องการพลังงานต่อวันลดลง ดังนั้นเราอาจลืมลดปริมาณอาหารของน้องที่ทำหมันแล้ว ทำให้น้องหมาอ้วนขึ้นนั่นเอง
  • ปริมาณอาหารที่เยอะเกินไปต่อมื้อ: การที่เราเทอาหารใส่ชามทิ้งเอาไว้เป็นจำนวนมาก หรือ เทเอาไว้เผื่อน้องหิว ส่งผลให้หมาที่บ้านทานเยอะเกินความจำเป็น 

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆ เช่นการไม่ออกกำลังกาย ไม่ได้ออกไปเดินเล่นข้างนอก หรือ บางบ้านทานอาหารของคนเยอะเกินไป 

  1.  ก่อนที่จะวางแผนลดน้ำหนักสุนัข ต้องปรึกษาสัตวแพทย์หรือไม่? 

เมื่อเราตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักสุนัขแล้ว เราควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเสมอ ซึ่งสัตวแพทย์จะประเมินน้ำหนักที่เหมาะสมของสุนัข รวมถึงสูตรอาหารลดน้ำหนักสุนัขที่ควรทาน สำหรับสุนัขสัตวแพทย์อาจมีการแนะนำให้ออกกำลังกายเพิ่มเติม เช่นการว่ายน้ำ อีกทั้งในกรณีที่น้องอ้วนมากๆอาจมีการตรวจสุขภาพเช่น การตรวจเลือด หรือ ปัสสาวะร่วมด้วยค่ะ

ตอนนี้โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมี ปรึกษากับสัตวแพทย์ออนไลน์ สำหรับคนที่อยากปรึกษาแพทย์สามารถ >>คลิ๊ก<< ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

  1. การควบคุมอาหาร 

จากที่เล่ามาดูเหมือนว่าอาหารจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หมาอ้วน ซึ่งไม่ต่างจากคนเลยใช่ไหมคะ? ดังนั้นการลดปริมาณอาหาร อาจเป็นสิ่งแรกๆที่เราคิดว่าควรทำ แต่เดี๋ยวก่อน! การลดปริมาณอาหารอย่างรวดเร็วสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพน้องหมา เช่นขาดสารอาหารที่จำเป็น หรือ ภาวะความเครียดได้ 

เราควรค่อยๆลดน้ำหนักโดยการเปลี่ยนสูตรอาหาร เป็นสูตรลดน้ำหนักโดยเฉพาะที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ โดยอาหารสูตรเหล่านี้จะมีแคลลอรี่ที่เหมาะสม แต่สารอาหารยังครบถ้วนตามที่น้องหมาต้องการนั่นเองค่ะ 

เจ้าของควรมาปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจลดน้ำหนัก เพื่อให้กระบวนการเป็นไปย่างปลอดภัยที่สุด!

ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ “ไม่มีค่าใช้จ่าย”

  1. กดแอดไลน์เจ้าทองหล่อ >  bit.ly/30nmDmT 
  2. แจ้งความประสงค์ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ 
  3. เจ้าหน้าที่ Admin คอนเฟิมเวลานัดกับสัตวแพทย์ผ่านระบบ Zoom ไม่มีค่าใช้จ่าย
Continue Readingว่าด้วยเรื่องหมาอ้วน กับการลดน้ำหนักในสุนัข

ว่าด้วยเรื่องแมวอ้วน การลดน้ำหนักในแมว

รู้หรือไม่ 90% ของสัตว์เลี้ยงไม่รู้ว่าพวกเขาน้ำหนักเกิน เรามาเช็คกันเถอะว่าน้องเหมียวของเราที่บ้านมีน้ำหนักเกินมตราฐานไหมนะ? และความอ้วนนั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขาอย่างไรบ้าง มาหาคำตอบกันค่ะ 

  1. แมวของเรามีน้ำหนักเกินหรือไม่? 
  • เบื้องต้นเราสามารถสังเกตน้องแมวของเราโดยการดูจากรูปร่างของน้องค่ะ เจ้าของสามารถวางมือลงตรงบริเวญซี่โครงของน้องและคลำตรงบริเวณนั้น ถ้าเราคลำแล้วไม่เจอกระดูกซี่โครงของน้องเลย ก็เป็นสัญญาณนึงที่บอกเราแล้วว่าน้องเริ่มอ้วนแล้วนั่นเอง 

หรือเจ้าของสามารถเช็ครูปร่างของแมวได้ง่ายๆจากตารางด้านล่าง ลักษณะรูปร่างจะสามารถบอก Body Fat Index หรือ เปอร์เซ็นการสะสมของไขมันในร่างกายได้คร่าวๆ ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าน้องแมวของเรานั้นอ้วนอยู่ในระดับไหน ซึ่งคุณหมอจะใช้ในการคำนวณหาน้ำหนักตัวที่เหมาะสมให้กับน้องๆนั่นเองค่ะ 

คลิ๊กดูรูปเต็ม>> http://bit.ly/2Opiayb

Source :  Hill’s Pet Nutrition (Thailand) Co.,Ltd.

 

2. ความอ้วนส่งผลอย่างไรของน้องแมวที่บ้านเราบ้าง? 

  • ปัญหาผิวหนัง อย่างที่เราทราบกันว่าแมวจะทำความสะอาดตัวเองด้วยการเลียขน โดยแมวที่อ้วนจะทำความสะอาดตัวเองได้ยากขึ้น ซึ่งทำให้มีโอหาสมีปัญหาผิวหนังได้ 
  • ภาวะซึมเศร้า ความอ้วนทำให้แมวขยับตัวได้ยากขึ้น พวกเขาจะไม่สามารถเล่น หรือตอบสนองกับสิ่งแวดล้อมได้ดีเหมือนเมื่อก่อน หรือ ไม่สามารถทำตามสัญชาตญาณได้ดีเท่าที่ควร ทำให้เขาพวกอาจเกิดอาหารเครียดหรือซึมเศร้าค่ะ
  • โรคเบาหวาน เหมือนอย่างคนเราความอ้วนก็ทำให้เจ้าแมวที่รักเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน บ่อยๆครั้งอาการของโรคเบาหวานก็จะดีขึ้นเมื่อน้ำหนักของแมวลดลง
  •  

3. ก่อนที่จะวางแผนลดน้ำหนักแมว ต้องปรึกษาสัตวแพทย์หรือไม่? 

เมื่อเราตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักแมวแล้ว เราควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเสมอ ซึ่งสัตวแพทย์จะประเมินน้ำหนักที่เหมาะสมของแมว รวมถึงสูตรอาหารลดน้ำหนักแมวที่ควรทาน อีกทั้งในกรณีที่น้องอ้วนมากๆอาจมีการตรวจสุขภาพเช่น การตรวจเลือด หรือ ปัสสาวะร่วมด้วยค่ะ

ตอนนี้โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมี ปรึกษากับสัตวแพทย์ออนไลน์ สำหรับคนที่อยากปรึกษาแพทย์สามารถ >>คลิ๊ก<< ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

4. การควบคุมอาหาร 

การลดปริมานอาหารของแมวดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ควรทำสำหรับการลดน้ำหนัก แต่เดี๋ยวก่อน! การลดปริมาณอาหารอย่างรวดเร็วสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพน้องแมวได้เช่นกัน แมวอาจมีอาการเครียดจากความหิว ซึ่งในกรณีที่รุนแรงมากอาจทำให้เกิดโรคตับได้ 

เราควรค่อยๆลดน้ำหนักของแมวโดยให้อาหารสูตรควบคุมน้ำหนักที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ เพื่อให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด เจ้าของควรมาปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเลือกอาหารลดน้ำหนักให้น้องเหมียวค่ะ 

ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์โดยโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ “ไม่มีค่าใช้จ่าย”

  1. กดแอดไลน์เจ้าทองหล่อ >  bit.ly/30nmDmT 
  2. แจ้งความประสงค์ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ 
  3. เจ้าหน้าที่ Admin คอนเฟิมเวลานัดกับสัตวแพทย์ผ่านระบบ Zoom ไม่มีค่าใช้จ่าย
Continue Readingว่าด้วยเรื่องแมวอ้วน การลดน้ำหนักในแมว